
น้อง ๆ หลายคนที่สนใจเรียนต่อมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ หรือ คณะอินเตอร์ของมหาวิทยาลัยในไทย อาทิเช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหิดล ธรรมศาสตร์ ฯลฯ จะเห็นได้ว่าหลายมหาวิทยาลัยนำคะแนนสอบ SAT มาใช้เป็นเกณฑ์ในการวัดผลเพื่อเข้าศึกษาต่อหลายต่อหลายมหาวิทยาลัยเลย วันนี้พี่กริฟฟินจะพามาดูว่า SAT คือ อะไร ทำไมต้องสอบ SAT และอัพเดตข้อมูลต่าง ๆ ก่อนเข้าสู่สนามสอบจริง
SAT คือ อะไร?
Scholastic Assessment Test หรือ SAT คือ ข้อสอบวัดระดับความรู้ทางการใช้เหตุผลในวิชาและทักษะด้านการเขียนและการอ่านภาษาอังกฤษ (Reading & Writing) และวัดระดับความสามารถในการคิดคำนวณ (Mathematics) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เพื่อนำเอาคะแนนไปยื่นเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาในระบบการศึกษาของสหรัฐอเมริกา โดย College Board ได้ทำการพัฒนาข้อสอบ SAT ขึ้นมาจากผลการวิจัยที่สรุปได้ว่า นักศึกษามหาวิทยาลัยจะต้องผู้ที่มีทักษะด้านการอ่าน การคิดวิเคราะห์ และการเขียนบรรยายที่ดีจะส่งผลให้ประสบความสำเร็จในการศึกษาได้ ซึ่งในปัจจุบันนี้มหาวิทยาลัยอินเตอร์หลากหลายแห่งทั่วโลกก็ได้นำเอา SAT เข้ามาเป็นหนึ่งในเกณฑ์การรับเข้าศึกษาต่ออีกด้วย
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566 เป็นต้นมา ทาง College Board ได้ออกมาประกาศปรับเปลี่ยนรูปแบบการสอบจากข้อสอบในรูปแบบกระดาษ (Paper Based) มาเป็นการสอบออนไลน์ Digital SAT ผ่านแอปพลิเคชัน Bluebook แทน ซึ่งหลังจากเปลี่ยนมาใช้การสอบในรูปแบบออนไลน์ก็ได้มีการปรับระบบรูปแบบการสอบใหม่เป็นแบบ Adaptive Test เพื่อเป็นการวัดความถนัดของผู้สอบอย่างแท้จริง
SAT สอบอะไรบ้าง? สอบกี่ชั่วโมง?
สำหรับข้อสอบ SAT จะมีการแบ่งเนื้อหาการสอบออกเป็น 2 วิชา คือ ภาษาอังกฤษ (Reading & Writing) และคณิตศาสตร์ (Mathematics) ดังนี้
Reading & Writing คะแนนเต็ม 800 คะแนน
- ใช้เวลาสอบ 64 นาที 54 คำถาม
- Module 1 จำนวน 27 คำถาม เวลา 32 นาที
- Module 2 จำนวน 27 คำถาม เวลา 32 นาที
Math คะแนนเต็ม 800 คะแนน
- ใช้เวลาสอบ 70 นาที 44 คำถาม
- Module 1 จำนวน 22 คำถาม เวลา 35 นาที
- Module 2 จำนวน 22 คำถาม เวลา 35 นาที

SAT Verbal (Reading and Writing)
ในส่วนของข้อสอบ SAT Verbal ที่วัดระดับความเชี่ยวชาญในทักษะด้านการเขียนและการอ่านภาษาอังกฤษ (Reading & Writing) จะเน้นวัดทักษะด้านการคิด วิเคราะห์อย่างมีเหตุผลผ่านการทำความเข้าใจโจทย์จากอ่านจับใจความและเติมองค์ประกอบของประโยคให้สมบูรณ์ กำหนดเวลาการทำสอบทั้งหมด 64 นาที 54 คำถาม (แบ่งเป็นข้อสอบชุดละ 27 คำถาม 32 นาที) โดยเนื้อหาการสอบจะแบ่งออกเป็น 4 หมวดหมู่ ดังนี้
- Information and Ideas วัดความสามารถในการจับใจความ การคิดวิเคราะห์ การใช้เหตุผล การตีความและการประเมินสถานการณ์จากข้อความและข้อมูลกราฟิก (เช่น ตาราง แผนภูมิ กราฟ)
- Craft and Structure วัดความเข้าใจในโครงสร้างและจุดประสงค์ของบทความ ความเข้าใจคำศัพท์ การใช้ศัพท์ให้ตรงกับบริบทของประโยคนั้น ๆ ตลอดจนการเปรียบเทียบเชื่อมโยงข้อความภายในบทความต่าง ๆ ที่กำหนดให้
- Expression of Ideas วัดทักษะการเรียบเรียงข้อมูล การใช้คำเชื่อม และการเลือกใช้ข้อมูลในสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างชาญฉลาด สื่อความหมายออกมาให้เข้าใจได้ตรงตามจุดประสงค์ที่ต้องการ
- Standard English Conventions วัดการใช้ไวยากรณ์และการเรียบเรียงประโยคให้ถูกต้องตามหลักภาษาอังกฤษ การวางโครงสร้างประโยค การใช้เครื่องหมายวรรคตอน เป็นต้น
SAT Math (คณิตศาสตร์)
ข้อสอบ SAT Math หรือรายวิชาคณิตศาสตร์จะมีข้อคำถามทั้งหมด 44 ข้อ กำหนดเวลาการทำสอบ 70 นาที (แบ่งเป็นชุดละ 35 นาที โดยข้อสอบชุดแรกมี 22 คำถาม และชุดที่ 2 มี 22 คำถาม) หลังจากมีการปรับระบบใหม่เป็นแบบ Digital SAT ก็ได้อนุญาตให้ผู้สอบสามารถใช้เครื่องคิดเลขในการคิดคำนวณได้ทั้งหมด (ก่อนหน้านี้จะมีพาร์ทที่ไม่อนุญาตให้ใช้งานเครื่องคิดเลขอยู่ด้วย) โดยเครื่องคิดเลขที่สามารถใช้งานได้ก็จะเป็นเครื่องคิดเลขที่ติดตั้งอยู่ในแอปพลิเคชัน Bluebook นั่นเอง สำหรับเนื้อหาการสอบ SAT Math จะแบ่งออกเป็น 4 หมวดหมู่ ได้แก่
- Algebra (13-15 ข้อ) การแก้สมการทางคณิตศาสตร์โดยใช้ตัวแปรและค่าตัวเลข พีชคณิต, ระบบสมการเชิงเส้น, อสมการ, การแยกตัวประกอบพหุนาม, การแก้สมการยกกำลังสองและเลขยกกำลัง เป็นต้น
- Advanced Math (13-15 ข้อ) การแก้สมการคณิตศาสตร์เชิงลึก, ฟังก์ชัน, ระบบสมการสองตัวแปร, จำนวนตรรกยะ, การหาค่าสัมบูรณ์ เป็นต้น
- Problem Solving and Data Analysis (5-7 ข้อ) การแก้ปัญหาและวิเคราะห์ข้อมูล, อัตราส่วน, ร้อยละ และการแก้โจทย์ปัญหา
- Geometry and Trigonometry (5-7 ข้อ) สูตรการหาพื้นที่, จุดศูนย์กลาง, รัศมี, ตรีโกณมิติ, การอ่านกราฟเรขาคณิตและตรีโกณมิติ
วิธีการสมัครสอบ SAT
สมัครสอบ SAT สามารถสมัครออนไลน์ด้วยตนเองได้ง่าย ๆ ผ่านเว็บไซต์ https://satsuite.collegeboard.org/sat/registration โดยหลังจากสร้างบัญชีและกรอกประวัติส่วนตัวเป็นที่เรียบร้อยก็จะสามารถเลือกวันสอบและสนามสอบที่ต้องการเดินทางไปสอบได้ จากนั้นอัปโหลดรูปถ่ายของตัวเองลงไปก่อนกดชำระเงิน เมื่อดำเนินการชำระค่าสอบเสร็จสิ้นก็จะได้รับ Admission Ticket และอีเมลยืนยันการสมัครสอบ ทั้งนี้ น้อง ๆ สามารถเข้าไปอ่านขั้นตอนการสมัครสอบแบบละเอียดได้ ที่นี่
SAT เปิดสอบกี่รอบ? ค่าสอบ SAT เท่าไหร่?
การสอบ SAT จะมีการเปิดรอบสอบทั้งหมด 7 รอบต่อปีในช่วงเดือนมีนาคม, พฤษภาคม, มิถุนายน, สิงหาคม, พฤศจิกายน และธันวาคมของทุกปี ซึ่งผู้ที่มีความประสงค์จะลงสอบ SAT จะต้องดำเนินการลงทะเบียนสมัครสอบอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนวันสอบตามรอบการสอบ โดยน้อง ๆ สามารถเข้าไปตรวจสอบรอบการสอบและ Deadline การสมัครสอบได้ที่ https://satsuite.collegeboard.org/sat/dates-deadlines โดยอัตราค่าสมัครสอบ SAT ตั้งแต่รอบสอบวันที่ 24 สิงหาคม 2024 เป็นต้นไปจะอยู่ที่ $111 USD โดยแบ่งเป็นค่าสอบ SAT $68 USD และ Regional fee $43 USD
สนามสอบ SAT
ถึงแม้ว่าการสอบ SAT จะปรับระบบมาเป็นการสอบแบบออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน Bluebook แต่ในการสอบจริงก็ยังกำหนดให้ผู้สอบเดินทางไปสอบที่ศูนย์สอบเพื่อความโปร่งใสในการทำสอบทุกครั้ง โดยน้อง ๆ สามารถเลือกรอบการสอบที่ต้องการเพื่อดูศูนย์สอบที่เปิดสอบในแต่ละรอบได้ผ่านเว็บไซต์ https://satsuite.collegeboard.org/sat/test-center-search
ควรได้คะแนนสอบ SAT เท่าไร?
สำหรับคะแนนการสอบ SAT หรือ Digital SAT จะมีคะแนนเต็มอยู่ที่ 1,600 คะแนน โดยคะแนนขั้นต่ำที่สามารถนำเอาไปยื่นเข้าศึกษาต่อของแต่ละหลักสูตรก็จะมีความแตกต่างกันออกไป บางหลักสูตรใช้คะแนนทั้ง 2 รายวิชารวมกัน หรือบางหลักสูตรก็ใช้คะแนนเฉพาะ SAT Verbal หรือ SAT Math เพียงอย่างเดียวเท่านั้น จึงแนะนำให้น้อง ๆ ทำการตรวจสอบ Requirement ของคณะวิชาและมหาวิทยาลัยที่ต้องการเข้าศึกษาต่ออีกครั้งหนึ่งหรือทักมาปรึกษาพี่ ๆ ทีม House of Griffin ได้เลยค่ะ
อ่านเพิ่มเติมสถิติ SAT https://www.houseofgriffin.com/blog/sat-stats-for-bba/
ติว SAT เพิ่มความมั่นใจก่อนลงสอบจริง
มาถึงตรงนี้ น้อง ๆ น่าจะรู้แล้วว่าการสอบ SAT คืออะไร หากใครกำลังมองหาสถาบันติว SAT House of Griffin พร้อมติวเข้มให้แบบเจาะลึกทุกวิชา เนื้อหาแน่น ตะลุยโจทย์เก่าจากคลังข้อสอบจริง สอนโดยครูผู้สอนที่มีประสบการณ์กว่า 14 ปี พร้อมทีมวิชาการคอยวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน เสริมทักษะให้น้อง ๆ แบบรายบุคคล เรียนรู้เทคนิคเพื่อใช้ในการทำข้อสอบให้ทันเวลาและถูกต้องแม่นยำพิสูจน์จากผลลัพธ์ของนักเรียนของเรา ติดต่อสอบถามหรือวางแผนการเรียน ก็สามารถติดต่อกับเราได้ตามนี้เลยค่ะ
Success Story




