Skip to content

Common Mistakes ในข้อสอบ SAT Math : จุดที่นักเรียนไทยมักพลาดและวิธีแก้ไข

Common Mistakes ในข้อสอบ SAT Math

ข้อสอบ SAT Math เป็นหนึ่งในข้อสอบที่เด็กเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยเลือกสมัครสอบ เพราะเป็นคะแนนสอบที่สามารถนำเอาไปยื่นเรียนต่อได้หลายคณะ และเป็นหนึ่งใน Requirement ที่ขาดไปไม่ได้สำหรับน้อง ๆ ที่อยากเรียนต่อในสายวิศวะ หรือสายการเรียนที่ต้องใช้ทักษะในการคำนวณ ซึ่งถ้าใครวางแผนจะเตรียมตัวสอบ SAT Math อยู่ละก็ พี่กริฟฟินอยากแนะนำลองให้อ่านบทความนี้ก่อนเตรียมตัวสอบเพื่อกันพลาดในจุดเดิม ๆ ที่ทำให้คะแนนหายไปอย่างน่าเจ็บใจ พร้อมแจกวิธีแก้ไขปัญหาในการทำข้อสอบ SAT Math ให้ได้คะแนนสูง ๆ

4 จุดพลาดบ่อยในข้อสอบ SAT Math ของเด็กไทย

ข้อสำคัญของการทำข้อสอบ SAT Math แบบ Digital SAT ที่มีลักษณะข้อสอบเป็น Adaptive Test คือ ตัวข้อสอบจะมีการแบ่งออกเป็น 2 Modules ซึ่งหากน้อง ๆ สามารถทำข้อสอบใน Module แรก ได้คะแนนสูงก็จะมีโอกาสได้ข้อสอบใน Module 2 ที่มีระดับความยากมากขึ้นและมีโอกาสคว้าคะแนนเต็ม 800 คะแนนมาได้ แต่หากทำข้อสอบใน Module แรกได้คะแนนน้อย ระบบก็จะจัดข้อสอบที่มีความยากน้อยลงใน Module 2 เพื่อให้ผู้สอบสามารถทำข้อสอบได้สะดวกขึ้น แต่คะแนนรวมจะน้อยกว่าคนที่ได้ข้อสอบ Module 2 ที่มีระดับความยากสูง ดังนั้นหากใครอยากได้คะแนน SAT Math ดี ๆ ก็ห้ามพลาดใน 4 จุดนี้เลย

1. แปลโจทย์ไม่ออก หรือเข้าใจโจทย์ผิด

ข้อสอบ SAT Math มีเนื้อหาการสอบเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ดังนั้น นอกจากทักษะในการคิดคำนวณแล้ว น้อง ๆ ยังจะต้องมีความเข้าใจภาษาอังกฤษในระดับค่อนข้างดีเพื่อแปลโจทย์ให้ออกและทำความเข้าใจสิ่งที่โจทย์ต้องการจะสื่อให้ได้ก่อนที่จะเริ่มลงมือทำ เพราะข้อมูลที่โจทย์ระบุมาอาจมี “ตัวหลอก” ที่หากเข้าใจคำถามผิดไปก็จะส่งผลให้คำนวณพลาดและตอบผิดได้ ดังนั้น หากใครติดปัญหาเรื่องนี้ ขอแนะนำให้ลองหยิบข้อสอบเก่า ๆ ขึ้นมาทำเพื่อดูลักษณะคำศัพท์ที่พบเจอบ่อยและทำความเข้าใจกับเนื้อหาที่โจทย์ต้องการจะสื่อ ซึ่งสำหรับใครที่อยากลองฝึกทำโจทย์ SAT Math พี่กริฟฟินก็มีเว็บไซต์และแอปพลิเคชันตัวช่วยติวสอบ SAT ให้น้องได้ลองเข้าไปฝึกทำข้อสอบกันก่อนลงสนามจริง คลิก

2. ลืมสูตรคำนวณ

น้อง ๆ หลายคนอาจจะชะล่าใจเรื่องการจำสูตรคำนวณ เพราะการทำข้อสอบ SAT Math แบบ Digital SAT จะมีการแจก Formula Sheet หรือสูตรการคำนวณให้น้อง ๆ สามารถใช้งานได้ระหว่างการสอบ แต่หากมีสูตรในมือแต่ไม่ทราบว่าโจทย์ที่ได้มาควรจะใช้สูตรไหนในการคำนวณก็ทำให้ไม่สามารถหาคำตอบได้นั่นเอง วิธีแก้คือการกลับไปอ่านทวนเนื้อหาการสอบให้แม่นยำ โดยลองฝึกทำโจทย์แบบแยกเนื้อหาทีละส่วนตามหัวข้อโจทย์ที่ออกสอบ ดังนี้

  • Algebra โจทย์ปัญหาพีชคณิต วัดความสามารถในการวิเคราะห์ แก้สมการเชิงเส้น ระบบสมการ อสมการ และฟังก์ชันต่าง ๆ
  • Advanced Math โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ขั้นสูง วัดความสามารถในการแก้สมการคณิตศาสตร์เชิงลึก, ฟังก์ชัน, Nonlinear, ระบบสมการสองตัวแปร, จำนวนตรรกยะ, การหาค่าสัมบูรณ์ โดยโจทย์ในส่วนนี้จะมีความคล้ายคลึงกับโจทย์ปัญหาในการเรียนสาย STEM จึงเป็นประโยชน์กับน้อง ๆ ที่อยากเรียนในสายวิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ในอนาคต
  • Problem Solving and Data Analysis โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ด้านการใช้เหตุผลในการแก้ไขปัญหาและวิเคราะห์ข้อมูล วัดความสามารถในการคำนวณอัตราส่วน, ร้อยละ, การอนุมาน, การกระจัด, ความน่าจะเป็น และความสัมพันธ์ตามสัดส่วน ตลอดจนการวิเคราะห์และตีความข้อมูลแบบตัวแปรเดียวและสองตัวแปร
  • Geometry and Trigonometry โจทย์ปัญหาเลขาคณิตและตรีโกณมิติ วัดความสามารถในการหาพื้นที่, ปริมาตร, จุดศูนย์กลาง, รัศมี, มุม เป็นต้น

เมื่อน้อง ๆ ลองทำโจทย์ตามเนื้อหาที่ออกสอบแต่ละรูปแบบแล้ว จะทำให้เราคุ้นชินกับลักษณะข้อคำถามของโจทย์แต่ละเรื่อง อ่านโจทย์แล้วรู้ได้ทันทีว่าคำถามแบบนี้เป็นของข้อสอบในส่วนไหน และต้องใช้สูตรอะไรในการคำนวณ

3. ทำข้อสอบ SAT Math ไม่ทัน

หนึ่งในปัญหาหลักที่ทำให้คะแนนหายไปคือการบริหารเวลาในการทำสอบได้ไม่ดีจนทำให้ทำข้อสอบไม่ทัน ทำให้พลาดโอกาสในการได้คะแนนสอบสูง ๆ ไปนั่นเอง ดังนั้น เราจึงควรที่จะ “จับเวลา” ระหว่างการลองทำข้อสอบ Practise Test แบบตามเวลาการสอบจริง (44 ข้อ 70 นาที) เพื่อฝึกการบริหารเวลาขณะทำข้อสอบจนเคยชิน เวลาเข้าห้องสอบจริงจะได้ไม่เกิดปัญหานี้

4. ข้ามข้อที่ทำไม่ได้แล้วลืมกลับมาทำ

เชื่อว่าหลายคนมักจะเลือก “ข้ามข้อ” ที่ทำไม่ได้ไปก่อน เพราะกลัวว่าจะเสียเวลากับโจทย์ที่ไม่เข้าใจจนทำข้อสอบไม่ทัน แต่สิ่งที่พลาดอีกอย่างคือ “ลืม” กลับมาทำข้อที่ข้ามไปในตอนแรก วิธีแก้ง่าย ๆ คือการใช้ Feature ของข้อสอบให้เป็นประโยชน์ เพราะการสอบ Digital SAT ในแอปพลิเคชัน Bluebook จะมี Feature ที่เรียกว่า “Flag” หรือการปักธงในข้อคำถามต่าง ๆ เพื่อให้สามารถย้อนกลับมาตรวจสอบได้ง่ายขึ้น ซึ่งถ้าข้อไหนทำไม่ได้ก็ขอแนะนำให้ติดธงเอาไว้แล้วกดกลับมาทำก่อนหมดเวลาให้ครบ และที่สำคัญ น้อง ๆ ควรจะดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Bluebook ที่เป็นแอปพลิเคชันที่ใช้ในการสอบ SAT มาติดเครื่องเอาไว้ก่อนและทดลองใช้งานจริงเพื่อให้เกิดความคุ้นชินกับตัวแอปพลิเคชันและใช้งาน Feature ตัวช่วยต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว เพื่อที่จะได้เพิ่มโอกาสในการทำข้อสอบได้มากยิ่งขึ้น

ติว SAT Math กับ House of Griffin ไม่พลาดทุกจุดสำคัญ

มาถึงตรงนี้ น้อง ๆ น่าจะพอทราบถึงข้อควรระวังและจุดที่นักเรียนไทยมักจะพลาดบ่อย ๆ ในการทำข้อสอบ SAT Math กันไปแล้ว ซึ่งถ้าน้องคนไหนอยากลงติวสอบ SAT Math แบบเจาะลึก ครอบคลุมทุกเนื้อหาการสอบเพื่อให้ไม่พลาดทุกจุดสำคัญในการสอบก็สามารถลง คอร์สติว SAT กับ House of Griffin สถาบันติว SAT ที่มีประสบการณ์กว่า 14 ปี มีครูผู้เชี่ยวชาญและทีมวิชาการดูแลนักเรียนทุกคนอย่างใกล้ชิด เสริมจุดแข็ง ปิดจุดอ่อน พร้อมแชร์ทุกเทคนิคการทำสอบ ทั้งการบริหารเวลา ตะลุยโจทย์ข้อสอบเก่า รวมถึงมีการจำลองการสอบเสมือนจริงเพื่อช่วยให้คว้าคะแนน SAT Math ขั้นต่ำที่ 650 คะแนนได้ไม่ยาก (เงื่อนไขเป็นไปตามที่สถาบันกำหนด)

Share this article