เมื่อปี 2023 ข้อสอบ SAT ได้มีการเปลี่ยนรูปแบบการสอบจากการสอบแบบข้อเขียนบนกระดาษมาเป็นแบบดิจิทัลหรือที่เรียกว่า Digital SAT และมีการนำเอาระบบการสอบแบบ Adaptive Test มาใช้ในการคิดคะแนน ซึ่งวันนี้เราจะพามาแนะนำให้รู้จักว่า SAT Adaptive Test รูปแบบใหม่นี้เป็นอย่างไร ยากขึ้นหรือง่ายขึ้น มีข้อดีและข้อเสียอะไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วมาทำความรู้จักกันเลย
Adaptive Test คืออะไร ทำไมคนที่เตรียมสอบ SAT ต้องรู้ ?
Adaptive Testing เป็นระบบการสอบที่ใช้วัดความถนัดของผู้สอบผ่านคอมพิวเตอร์ โดยตัวข้อสอบจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของข้อสอบตามความสามารถและ “ความถนัด” ของผู้สอบแบบ Realtime จากการคำนวณความสามารถและความถนัดของผู้สอบในข้อที่ผ่านมา โดยในปัจจุบันนิยมสอบผ่านคอมพิวเตอร์, Laptop และ Tablet เป็นหลัก เพราะต้องอาศัยการคำนวณจากระบบอย่างรวดเร็ว ซึ่งการสอบ SAT เองก็ได้ปรับระบบการสอบมาเป็น SAT Adaptive Test ด้วยเช่นกันในปีที่ผ่านมา
การแบ่งชุดข้อสอบ Digital SAT Adaptive Test
น้อง ๆ หลายคนอาจจะทราบดีว่าข้อสอบ SAT นั้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ ได้แก่ ข้อสอบทดสอบทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ และข้อสอบทดสอบทักษะทางด้านคณิตศาสตร์ โดยจะแบ่งออกเป็นข้อสอบย่อยอีก 2 ชุด ได้แก่ ข้อสอบชุดแรก (Module 1) และข้อสอบชุดที่ (Module 2)
ข้อสอบในชุดแรก (Module 1)
ข้อสอบชุดนี้จะเป็นข้อสอบชุดเดียวกันที่ผู้สอบทุกคนได้รับในช่วงเริ่มต้นของการสอบ ตัวข้อสอบจะมีการแบ่งระดับความยาก-ง่ายของข้อสอบกระจายกันออกไปภายในชุดในระดับเท่า ๆ กันโดยข้อสอบในชุดแรกนี้จะมีคะแนนเต็มทั้งหมด 800 คะแนน
ข้อสอบชุดที่ 2 (Module 2)
ข้อสอบในชุดนี้ ผู้สอบจะได้รับหลังจากที่ทำข้อสอบชุดแรก (Module 1) เสร็จเรียบร้อย โดยตัวข้อสอบจะมีระดับความยาก-ง่ายความแตกต่างกันออกไป ตามที่ระบบทำการวิเคราะห์ความถนัดของผู้สอบผ่านการคำนวณคะแนนของข้อสอบชุดแรก (Module 1) โดยข้อสอบในชุดนี้จะแบ่งออกเป็นข้อสอบระดับยากที่มีคะแนนเต็ม 800 คะแนน และข้อสอบระดับปานกลางที่มีคะแนนเต็มต่ำกว่า 800 คะแนน
หากน้อง ๆ ทำข้อสอบในชุดแรก (Module 1) ได้คะแนนสูง ระบบจะทำการสุ่มคำถามที่ยากขึ้นให้กับน้อง ๆ ในข้อสอบชุดที่ 2 (Module 2) ทำให้ผู้สอบมีโอกาสที่จะได้คะแนนเต็มทั้ง 2 ชุด แต่หากผู้สอบทำข้อสอบในชุดแรก (Module 1) ได้คะแนนน้อย ความยากของข้อสอบในชุดที่ 2 ก็จะลดลง และคะแนนเต็มของข้อสอบก็จะลดลงไปด้วย แต่น้อง ๆ จะสามารถทำข้อสอบได้มากขึ้นกว่าในข้อสอบชุดแรก เนื่องจากมีการปรับความยากของข้อสอบให้เหมาะสมกับความถนัดของผู้สอบมากขึ้นนั่นเอง
ข้อดี – ข้อเสียของการสอบ SAT Adaptive Test
ข้อดีของ SAT Adaptive Test
- ข้อสอบชุดที่ 2 (Module 2) มีการปรับระดับความยาก-ง่ายของข้อสอบตามความถนัดของผู้สอบรายบุคคล จึงช่วยให้สามารถทำข้อสอบได้มากขึ้นกว่าข้อสอบในชุดแรก
- ผู้สอบสามารถจัดการเวลาสอบได้ง่ายขึ้น เนื่องจากไม่เสียเวลาในการวิเคราะห์โจทย์ที่ยากจนเกินไป จึงทำให้มีเวลาในการทบทวนคำตอบก่อนการส่งข้อสอบมากขึ้น
- ปิดโอกาสการลอกข้อสอบ เพราะข้อสอบในชุดที่ 2 (Module 2) จะทำการแจกจ่ายให้ผู้สอบตามความถนัดของแต่ละบุคคล จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการลอกข้อสอบแต่อย่างใด
ข้อเสียของ SAT Adaptive Test
- ไม่สามารถที่จะเลือกทำข้อสอบ “ข้ามชุด” ได้ เพราะจำเป็นที่จะต้องทำข้อสอบชุดที่ 1 ให้เสร็จก่อนจึงจะสามารถทำข้อสอบชุดที่ 2 ต่อได้
- หากทำคะแนนในข้อสอบชุดแรก (Module 1) ออกมาได้น้อย จะเสียโอกาสในการคว้าคะแนนเต็มในข้อสอบชุดที่ 2 (Module 2) เนื่องจากระบบจะปรับระดับความยาก-ง่ายของข้อสอบถามความถนัดของผู้สอบจากการคำนวณผลคะแนนข้อสอบชุดแรก