โดย Kru Team

ก่อนที่น้อง ๆ จะไปสอบ IELTS Listening มาดูกันว่า 10 Checklist หัวข้อที่สอบ ต้องรู้ให้ครบก่อนสอบ IELTS Listening มีอะไรบ้าง
1. Know what is on the test
ข้อสอบ IELTS Listening มีทั้งหมด 40 ข้อ ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีทั้งหมด โดยแบ่งเป็น เวลา audio ประมาณ 30 นาทีและเวลาในการ transfer คำตอบหลังฟังเสร็จอีก 10 นาที
ข้อสอบแบ่งเป็น 4 section โดย section 1-2 เป็นบทสนทนาทั่ว ๆ ไปในชีวิตประจำวัน (everyday social context) เช่น การโทรจองห้องพักในโรงแรม การพาทัวร์สถานที่สำคัญโดยไกด์ ส่วน section 3-4 เป็นบทสนาเชิงวิชาการ (academic context) เช่น การพูดคุยกับเพื่อนในกลุ่มเกี่ยวกับโปรเจคท์ที่อาจารย์สั่ง การพูด lecture ในคลาสเรียนวิชาต่าง ๆ ของอาจารย์ในมหาลัย สังเกตได้ว่าข้อสอบมักจะเรียงลำดับจากส่วนที่ง่ายที่สุดในพาร์ทแรกและเพิ่มระดับความยากขึ้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีเพราะทำให้น้อง ๆ มีกำลังใจในการทำข้อสอบมากยิ่งขึ้น
2. Answers appear in order
อย่างที่ได้ทราบไปว่า ข้อสอบของพาร์ท Listening มีทั้งหมด 40 ข้อ ในแต่ละข้อจะมีตัวเลขข้อ และช่องว่างให้เติมคำศัพท์ที่หายไป ในส่วนของ audio นั้นจะเล่นแค่ครั้งเดียว มีการพูดเรียงลำดับตามข้อ และมีเว้นช่วงให้พักเช็คคำตอบหรืออ่าน passage ในข้อถัดไป เมื่อทราบอย่างนี้แล้ว น้อง ๆ ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องมองหาคำตอบข้อหลัง ๆ ก่อนหรือเปล่า เพราะว่า audio จะพูดตามลำดับเลย หากข้อไหนพูดผ่านไปแล้ว ก็สามาถ focus ที่ข้อถัดไปได้เลยจะได้ไม่เสียคะแนนข้อที่เหลือ
3. Check the number of words
ข้อสอบ IELTS Listening มักจะให้นักเรียนเติมคำที่หายไปในช่องว่าง ดังนั้นแล้วอย่าลืมเช็กจำนวนคำให้ดี อาจจะเป็น “No more than one word” หรือ “No more than two words and/ or a number” ข้อความแรก คือ “เขียนได้ไม่เกินหนึ่งคำ” ส่วนข้อความที่สอง คือ “เขียนได้ไม่เกินสองคำ และ/หรือมีตัวเลข” น้อง ๆ ต้องระวังสิ่งที่โจทย์กำหนดให้ดี เพราะหากเขียนเกินจำนวนคำที่ระบุไว้แล้ว ก็จะไม่ได้คะแนนในข้อนั้น ๆ เมื่อเจอข้อความว่า “and/or a number” ให้น้อง ๆ เตรียมตัวไว้เลยว่า ต้องมีตัวเลขแน่นอนในข้อสอบ part นั้น อาจจะเป็นตัวเลขอย่างเดียว หรืออาจจะมาพร้อมกับคำศัพท์อีกหนึ่งคำก็ได้ วิธีการดูว่าข้อไหนต้องใส่ตัวเลข สามารถดูจากเครื่องหมายบอกสกุลเงิน เช่น $, £ หรือ ดูจากคำที่แสดงถึงเวลา เช่น …ago, ….weeks เป็นต้น
4. Look for keywords
ก่อนที่เราจะฟัง conversation ในข้อสอบ instructor จะมีเวลาสั้น ๆ ให้เราอ่านข้อสอบคร่าว ๆ ในแต่ละพา์ทก่อน เวลาตรงนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญมาก ควรใช้ให้คุ้มค่าที่สุด เริ่มจากการอ่าน title เพื่อจะได้ทราบว่าจะเป็นบทสทนาเกี่ยวกับอะไร ลองดูข้อมูลรอบ ๆ ข้อที่เราจะต้องฟังและเติมว่าต้องเติมคำศัพท์ลักษณะไหน และที่สำคัญเลยอย่าลืมดูด้วยว่า part of speech (noun/ adjective/ verb) ในแต่ละข้อต้องเป็นตัวไหน เช่น creativity (n.) = ความคิดสร้างสรรค์ // creative (adj.) = สร้างสรรค์ ระวังให้ดี หากใส่ part of speech ไม่ถูกต้องก็จะไม่ได้คะแนนในข้อนั้น ๆ แอบบอกนิดนึงว่า ส่วนใหญ่แล้ว part of speech ในพาร์ท Listening มักจะเป็น noun เป็นส่วนใหญ่
5. Singular VS Plural Nouns
ในข้อที่ผ่านมา แอบบอกไปแล้วว่าข้อสอบในพาร์ท Listening มักจะให้เติม noun เป็นหลัก คราวนี้เนื่องจาก IELTS เป็น an international English assessment test สิ่งที่เค้าต้องการทดสอบผู้เรียนที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองเพิ่มเติมคือ การแยกแยะคำนามเอกพจน์ (singular) และคำนามพหูพจน์ (plural) ผ่านการฟังคำลงท้าย -s, -es ซึ่งเป็นสิ่งที่พูดไวมาก ๆ เวลาทำข้อสอบอาจจะต้อง focus หลาย ๆ อย่าง ทำให้น้องอาจจะพลาดไม่ได้ยินเสียงลงท้ายดังกล่าวก็เป็นไปได้ มีตัวช่วยที่ทำให้การทำข้อสอบลักษะนี้ง่ายขึ้น นั่นคือการใช้ grammar เข้ามาช่วย หากในข้อสอบมีการใส่ article a / an เข้ามา ล้วละก็ สามารถฟันธงได้เลยว่าต้องเป็น singular countable noun ดังนั้นจะไม่มีการใส่ -s, -es แน่นอน หากไม่มี article ดังกล่าวก็ต้องลองมาพิจารณาอีกทีนึงว่าเป็น คำนามนับได้ (countable noun) หรือคำนามนับไม่ได้ (uncountable noun) หากเป็นคำนามนับได้ ส่วนใหญ่แล้วมักจะเติม -s เพราะเป็นการพูดถึงโดยทั่ว ๆ ไป หรือหากเป็นคำนามที่นับไม่ได้ก็จะมี -s ลงท้ายแล้วนั่นเอง
6. Focus on what they say NOT how they say it
เนื่องจากข้อสอบในพาร์ท IELTS Listening เป็นการวัดความเข้าใจภาษา (listening comprehension) audio จะไม่ได้พูดข้อความที่เราจะต้องไปเติมเป๊ะ ๆ อาจจะมีการ paraphrase หรือใช้ synonym อยู่เรื่อย ๆ โดยเฉพาะในพาร์ท multiple choice และ matching questions ยกตัวอย่างเช่น ในข้อสอบ ให้คำว่า selfish (adj.) มา ใน audio เป็นข้อความว่า loners who think the world revolves around them เป็นต้น ดังนั้นหากรอฟังคำว่า selfish ก็จะไม่เจออย่างแน่นอน ควรจะฟังเพื่อจับใจความ และตัด choice ข้อที่ไม่ใช่ออกระหว่างทำข้อสอบ
7. Stay focused while multitasking
อย่างที่ได้บอกไปว่าข้อสอบ IELTS Listening ใช้เวลาในการฟังทั้งหมด 30 นาทีซึ่งเป็นการฟังที่ค่อนข้างนานพอสมควร ถึงแม้จะมีพักให้อ่านโจทย์ในพาร์ทถัดไปอยู่เป็นระยะ ๆ ก็ตาม ทำให้น้อง ๆ หลาย ๆ คนอาจจะง่วงบ้าง หรือสมาธิไม่อยู่กับการฟังบ้าง วิธีแก้ง่าย ๆ คือการไม่ฟังผ่าน ๆ อย่างเดียว แต่หาอะไรทำระหว่างฟังด้วย เช่น การขีด Keywords ที่สำคัญ ๆ ในแต่ละข้อ การโน้ตสิ่งสำคัญ ๆ ที่ได้ยินเพื่อจะได้ไม่ลืม การตัด choice ในข้อที่คิดว่าไม่ใช่ หรือการมาร์คข้อที่ไม่มั่นใจเพื่อกลับมาเช็กอีกรอบ หากน้องสามารถ multitask ระหว่างฟังไปด้วย รับรองว่าไม่ง่วงและมีสมาธิมากขึ้นในการทำข้อสอบแน่นอน
8. Know that answers may come quickly
ต่อยอดจากข้อที่ผ่านมา อย่างที่ได้บอกไปว่า IELTS Listening อาศัยสมาธิในการทำข้อสอบค่อนข้างมาก หากเป็น active listener ได้ก็มีโอกาสจะทำคะแนนได้ดี โดยทั่วไป ข้อสอบ IELTS มักจะพูดคำตอบข้อ ๆ หนี่งและมีเวลาให้เราเขียนหรือเลือกคำตอบในข้อนั้น ๆ ก่อนที่จะไปพูดคำตอบในข้อถัดไป อย่างไรก็ดี ให้พึงระวังไว้ว่าอาจจะมีคำตอบที่มาอย่างรวดเร็วด้วยเหมือนกันในบางครั้ง ดังนั้นแล้วหากได้คำตอบในข้อหนึ่งเสร็จแล้ว ควรรีบโน้ตไว้ก่อนอย่างรวดเร็ว เพื่อฟังคำตอบในข้อถัดไป ห้ามชล่าใจเด็ดขาดว่าคำตอบยังไม่มาถึง
9. Don’t leave any blank answers
ข้อสอบ IELTS Listening ไม่มีการหักคะแนนหากเขียนคำตอบผิด ดังนั้นแล้วข้อไหนไม่มั่นใจ เดาไว้ก่อนไปเสียหายแน่นอน ในการเดาคำตอบ อาจจะเดาจากคำใน audio ที่เราได้ฟังไปที่มีความเป็นไปได้ที่สุด เดาจากการเลือกคำศัพท์ที่ดูเหมาะสมที่สุดในบริบทในข้อนั้น ๆ หรือเดาจากการดู part of speech ว่าควรจะเป็นคำประเภทไหน หากเว้นคำตอบไว้จะไม่ได้คะแนนแน่นอนในข้อนั้น สุ่มคำตอบไปก่อนอย่างน้อยก็มีเปอร์เซ็นต์ในการตอบถูก
10. Double check spelling
หลังจากที่ได้ฟัง audio จบใน 30 นาที ก็จะมีเวลาเหลือประมาณ 10 นาทีให้ transfer คำตอบลงใน answer sheet ส่วนนี้เป็นอีกส่วนที่สำคัญมาก ๆ ควรใช้เวลาที่มีในการไล่ดูคำตอบรายข้อ โดยเฉพาะข้อที่ต้องเขียนคำตอบเองว่าสะกดถูกต้องหรือเปล่า มีธีการเช็ก สามารถดูเรื่อง double letters / singular or plural noun / คำลงท้าย (suffix) ว่าสอดคล้องกับ part of speech ในข้อนั้น ๆ หรือไม่ เป็นต้น ระหว่างที่เช็กการสะกดคำ อาจจะทำให้น้อง ๆ เริ่มลังเลอยากจะเปลี่ยนคำตอบในข้ออื่น ๆ ด้วย ส่วนนี้ต้องระวังให้ดี หากอยากจะเปลี่ยนคำตอบต้องมั่นใจจริง ๆ เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วคำตอบแรกที่เราเลือกไว้มีแนวโน้มที่จะเป็นคำตอบที่ถูกอยู่แล้ว
เป็นอย่างไรบ้างคะกับเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พี่กริฟฟินนำมาฝาก ถ้าน้อง ๆ อยากลองฝึกแบบฝึกหัดเรื่อง IELTS Speaking น้อง ๆ สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ของ IDP โดยคลิกที่นี่ IELTS Listening Preparation หรือถ้าอยากฝึกโดยตรงกับอาจารย์แบบตัวต่อตัว เน้นปรับจุดอ่อน เสริมจุดแข็งแต่ละบุคคล สามารถเข้ามาติวเพิ่มเติมได้ที่ House of Griffin นะคะ