
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหลักสูตรนานาชาติเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่นิยมของผู้ปกครองหลายท่านในปัจจุบันนี้ ด้วยเหตุผลในเรื่องคุณภาพของระบบการศึกษาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล แนวความคิดที่เปิดกว้างเสรี สังคมนานาชาติ และโอกาสในอนาคต ที่ผู้ปกครองเล็งเห็นความสำคัญและพร้อมที่จะส่งบุตรหลานไปสัมผัสประสบการณ์อันคุ้มค่า ซึ่งในประเทศไทยมีโรงเรียนอินเตอร์ชั้นนำหลายแห่งเปิดสอนหลักสูตรนานาชาติ ทั้งหลักสูตรอเมริกา หลักสูตรอังกฤษ หลักสูตร IB และ หลักสูตรอื่น ๆ เช่น สิงคโปร์ แคนาดา ฯลฯ ซึ่งวันนี้เราขอมาแนะนำให้รู้จักกับหลักสูตรที่มีความเป็นนานาชาติมากที่สุดอย่างหลักสูตร IB หรือ International Baccalaureate แบบทุกแง่มุม ว่าหลักสูตร IB คือ อะไร เรียนอะไรบ้าง สอบอะไรบ้าง เหมาะกับใคร ถ้าพร้อมแล้ว มาเริ่มกันเลยค่ะ
หลักสูตร IB คืออะไร แบ่งเป็นกี่ระดับ
หลักสูตร IB ย่อมาจาก International Baccalaureate Programme เป็นหลักสูตรการศึกษานานาชาติรูปแบบหนึ่ง จัดตั้งโดย International Baccalaureate Organization (IBO) ใช้กันอย่างแพร่หลายและได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัยมากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะทางปัญญา ทักษะทางวิชาการและทักษะทางสังคม เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยและการทำงานในอนาคต
ข้อดีของหลักสูตร IB คือ หลักสูตรเหมือนกันทั่วโลก นั่นหมายความว่าใครที่เรียนหลักสูตรนี้ สามารถย้ายถิ่นฐานไปเรียนที่ประเทศอื่นได้ โดยไม่ต้องปรับตัวกับการเรียนมากนัก เนื้อหาการสอนเน้นความเป็น Global โดยนำเนื้อหาการสอน Case Study มาจากหลาย ๆ มุมโลก ไม่อิงประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นหลัก เป็นการเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนที่เข้าศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นไม่ว่าจะในประเทศใดก็ตาม
หลักสูตร IB แบ่งเป็นออก 3 ระดับ ดังนี้
Programme | Age | Grade |
---|---|---|
1. Primary Years Programme (PYP) หลักสูตรการศึกษาระดับต้น | 3-11 | 1-5 |
2. Middle Years Programme (MYP) หลักสูตรการศึกษาระดับกลาง | 11-16 | 6-10 |
3. IB Diploma Programme (IBDP) หลักสูตรการศึกษาระดับประกาศนียบัตรนานาชาติ | 16-19 | 11-12 |
โดยหลักสูตรที่ได้รับความสนใจและพูดถึงกันมากที่สุดก็คือ หลักสูตร IB Diploma ซึ่งเป็นช่วงต่อระหว่างชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายกับมหาวิทยาลัย ระดับนี้จะเทียบเท่ากับ A-Level Year 12-13 (ม.5, ม.6) ของระบบอังกฤษ โรงเรียนนานาชาติบางแห่งใช้หลักสูตร IB ทั้ง 3 ระดับ เช่น KIS International School, NIST International School หรือบางแห่งใช้ผสมระหว่างหลักสูตรอเมริกันในช่วง Grade 1-10 และใช้ระบบ IB Diploma ในช่วงเกรด 11-12 เช่น Ruamrudee International School
IB Diploma Programme เรียนอะไรบ้าง
IB Diploma Programme เป็นโปรแกรมที่เทียบเท่าช่วงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนนานาชาติหลายแห่งนำหลักสูตร IB Diploma ไปผสมผสานในช่วงเกรด 11-12 เพราะอย่างที่บอกไปว่าหลักสูตรนี้เน้น Global และยืดหยุ่น ถึงแม้ผู้เรียนจบมาจากหลักสูตรอื่น ๆ ก็สามารถเข้ามาเรียน IB Diploma ต่อได้อย่างไม่มีปัญหา หรือแม้แต่นักเรียนที่เรียนหลักสูตร IB มาตั้งแต่เด็ก ก็ไม่ได้มีความได้เปรียบแต่อย่างใด เพราะต้องเริ่มต้นเรียนรู้ใหม่อยู่ดี โดยที่นักเรียนต้องเลือกเรียนทั้งหมด 6 วิชา จากกลุ่มวิชาทั้งหมด 6 กลุ่ม และต้องผ่านเงื่อนไขกิจกรรมบังคับอีก 3 ตัว ดังนี้
6 กลุ่มวิชา
- English Literature ภาษาและวรรณคดี เช่น Literature
- Second Language เพื่อศึกษาภาษาต่าง ๆ เช่น สเปน ฝรั่งเศส ละติน
- Individuals and Societies เพื่อฝึกการวิเคราะห์และศึกษาทฤษฎีเกี่ยวข้องกับธรรมชาติและเรื่องราวต่าง ๆ ในสังคมผ่านวิชาจิตวิทยา ปรัชญา เศรษฐศาสตร์ เป็นต้น
- Experimental Sciences วิทยาศาสตร์ เช่น เคมี ชีววิทยา วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ฟิสิกส์ เป็นต้น
- Mathematics คณิตศาสตร์ เช่น วิธีการทางคณิตศาสตร์ คณิตศาสตร์ระดับกลางและระดับสูง
- Arts and Electives เช่น ละครเวที ทัศนศิลป์ ภาพยนตร์ ดนตรี เต้นรำ เป็นต้น
โดยจาก 6 วิชาที่เลือก นักเรียนต้องเลือกสอบแบบ Higher Level (HL) 3 วิชา ซึ่งเป็นการเรียนแบบเจาะลึกในวิชาที่ตัวเองสนใจเพื่อใช้ต่อยอดในการเข้ามหาวิทยาลัยในอนาคต และเลือกสอบแบบ Standard Level (SL) อีก 3 วิชา ซึ่งเป็นเนื้อหาแบบกว้างปกติ
นอกจากนี้ นักเรียน IB Diploma จะต้องผ่านเงื่อนไขอีก 3 ข้อ ได้แก่
- Theory of Knowledge (ToK) : เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์ สังคมและวัฒนธรรมต่าง ๆ เช่น อารมณ์ ภาษาและเหตุผล ประวัติศาสตร์ ศิลปะ เป็นต้น จะต้องเรียนไม่ต่ำกว่า 100 ชั่วโมงและเขียน Essay 1,200-1,600 คำ
- Extended Essay (EE) : เป็นการเขียนเรียงความในหัวข้อที่ตนเองสนใจ โดยมีความยาวไม่เกินกว่า 4,000 คำ
- Creativity, Action, Service (CAS): กิจกรรมนอกโรงเรียนที่นักเรียนต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 50 ชั่วโมงในแต่ละกิจกรรมนั่นเอง
- Creativity เป็นกิจกรรมที่ใช้ศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างหรือประดิษฐ์สิ่งแปลกใหม่
- Active เป็นกิจกรรมเล่นกีฬา
- Service เป็นการมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมเพื่อสังคม
ระบบคะแนน IB
การที่จะผ่านการประเมินผลสอบ IB Diploma ได้นั้น ต้องทำคะแนนรวมไม่ต่ำกว่า 24 คะแนน จากคะแนนเต็ม 45 คะแนน ซึ่งคะแนนจะคำนวณจาก
- คะแนนเต็มจาก 6 กลุ่มวิชา ซึ่งแต่ละกลุ่มวิชามีคะแนนเต็ม 7 คะแนน (รวมเป็น 42 คะแนน)
- คะแนนพิเศษอีก 3 คะแนนจากกิจกรรม (Extended Essay & Theory of Knowledge Essay)
และต้องผ่านการประเมินกิจกรรม Creativity, Action, Service หากคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด นักเรียนจะได้เป็น IB Certificate แทน IB Diploma ซึ่งอาจไม่สามารถใช้ในการยื่นสมัครเข้าในบางมหาวิทยาลัยได้
ตารางสอบ IB
การจัดสอบ IB Diploma Programme จะมีขึ้นพร้อมกันทั่วโลกและมีเพียง 2 รอบต่อปีเท่านั้น โดยนักเรียนที่มีสิทธิ์สอบ IB คือ นักเรียนที่เรียนในโรงเรียนที่มีหลักสูตร IB เท่านั้น และหากสอบไม่ผ่าน จะสามารถสอบใหม่ได้ไม่เกิน 3 ครั้ง
รอบสอบ | วันสอบ |
---|---|
รอบที่ 1 | เดือนพฤษภาคม |
รอบที่ 2 | เดือนพฤศจิกายน |
การเทียบวุฒิ ม.6 ด้วยหลักสูตร IB
ผู้สมัครจะต้องได้รับประกาศนียบัตรระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียน (High School Diploma) และ/หรือ ได้รับ IB Diploma หรือ IB DP Course Results ดังนี้
- ได้รับ IB Diploma ที่มีผลคะแนนรวมจาก 5 หมวดวิชาและอีก 1 วิชาเลือก ไม่ต่ำกว่า 24 คะแนน พร้อมผ่านการประเมิน Extended Essay (EE), Theory of Knowledge (ToK) และ Creativity, Action & Service (CAS) ตามเกณฑ์ของ International Baccalaureate Organization (IBO) หรือ
- ได้รับ IB Diploma Course Results (IBCR) อย่างน้อย 5 วิชา โดยแต่ละวิชาจะต้องไม่ซ้ำกันและได้ผลการเรียนในแต่ละวิชาไม่น้อยกว่าเกรด 3
ซึ่งข้อดีของ IB คือ ทางมหาวิทยาลัยอาจพิจารณาให้ยกเว้นการเรียนบางวิชาในปี 1 หากนักเรียนได้เรียนผ่านมาแล้วในหลักสูตร IB Diploma และสอบผ่านระดับ Higher Level โดยได้คะแนนสูงกว่า 4-5 ขึ้นไป ซึ่งสามารถเก็บเป็นเครดิต ทำให้น้อง ๆ สามารถลดจำนวนวิชาเรียนลงได้นั่นเอง
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับข้อมูลหลักสูตร IB ถือเป็นอีกหนึ่งหลักสูตรนานาชาติที่น่าสนใจเลยทีเดียว เพราะเป็นหลักสูตรที่ได้รับการยอมรับมากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก ซึ่งนอกจากจะสอบผ่านได้รับ IB Diploma ไว้เทียบวุฒิม.ปลาย ยื่นเข้ามหาวิทยาลัยทั้งในประเทศและต่างประเทศได้แล้ว หากน้อง ๆ สามารถทำคะแนนในวิชาที่ทางคณะต้องการได้ถึงเกณฑ์ ก็สามารถโอนหน่วยกิตเพื่อลดรายวิชาในการเรียนในมหาวิทยาลัยได้อีกด้วย เห็นข้อดีข้อหลักสูตรนี้แบบนี้ บอกเลยว่าการเตรียมตัวสอบต้องไม่ธรรมดา เพราะเนื้อหาการเรียนที่ทั้งลึกและกว้าง และยังต้องทำกิจกรรมที่กำหนดควบคู่ไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นน้อง ๆ ที่สนใจติวสอบวิชาเฉพาะสำหรับหลักสูตร IB สามารถติดต่อสถาบัน House of Griffin ได้เลย เพราะเรากำลังจัดคอร์ส IB เพิ่ม เอาใจเด็กสายอินเตอร์ทุกหลักสูตร