Skip to content

FAQ รวมคำถามเกี่ยวกับการสอบ GED ครบ จบ ในที่เดียว

GED

การสอบ GED ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกด้านการศึกษาที่เปิดโอกาสให้ทั้งนักเรียนมัธยมปลายที่ต้องการคว้าวุฒิเทียบเท่า ม.6 ในระยะเวลาอันสั้น และบุคคลทั่วไปทุกช่วงวัยที่ต้องการวุฒิการศึกษาเพื่อใช้ต่อยอดเป้าหมายในอนาคต ซึ่งหากใครเพิ่งเริ่มหาข้อมูลและมีคำถามเกี่ยวกับการสอบ GED ห้ามพลาดบทความนี้ เพราะเราได้รวบรวมทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับการสอบเทียบ GED พร้อมแนะนำวิธีการติวสอบ GED ให้ผ่านฉลุยมาฝากทุกคนกัน

การสอบ GED นั้นเทียบเท่าวุฒิมัธยมปลายของสหรัฐอเมริกานั้น เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของน้อง ๆ ที่เลือกเรียนแบบโฮมสคูล หรืออาจมีเหตุจำเป็นที่ไม่ได้เข้าเรียนในระบบโรงเรียน หรือเป็นนักกีฬา นักแสดง การสอบ GED เป็นที่นิยมในประเทศไทย เนื่องจากมีความยืดหยุ่น โดยเปิดให้สอบได้ตลอดทั้งปีและเลือกสอบให้ผ่านทีละรายวิชาได้ วุฒิ GED ได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการ ให้เทียบเท่ากับหลักสูตรแกนกลางขั้นพื้นฐานระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งมหาวิทยาลัยก็ยอมรับวุฒิ GED ให้ใช้สมัครเข้าเรียนได้ทั้งหลักสูตรปกติและหลักสูตรนานาชาติ

GED มีนโยบายเฉพาะสำหรับการทดสอบในแต่ละประเทศ และในประเทศสหรัฐอเมริกาเองนโยบายของแต่ละรัฐก็แตกต่างกัน ดังนั้นน้อง ๆ ต้องศึกษานโยบาย ข้อกำหนดด้านอายุ และการทดสอบอื่น ๆ ซึ่งอาจแตกต่างกันไป สำหรับในประเทศไทย ก็มีกฎระเบียบสำหรับการทดสอบ ใครจะสอบ ต้องรู้อะไรบ้าง! มาดูกันเลย

GED FAQs รวมฮิตคำถามยอดนิยม 

  • สอบ GED คืออะไร ? สอบผ่านแล้วได้วุฒิอะไร ?

General Educational Development หรือ GED คือ การสอบเทียบวุฒิการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายของระบบอเมริกัน (US High School Equivalency Diploma) สามารถเทียบเท่าได้กับวุฒิมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.6) ของประเทศไทย ที่ทางรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการให้การรับรองอย่างเป็นทางการ จึงสามารถใช้วุฒิ GED เพื่อยื่นเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีได้ทั้งในไทยและต่างประเทศ

  • คะแนนสอบ GED ใช้ได้กี่ปี ?

ใช้ได้ตลอดชีพ เนื่องจาก GED เป็นการสอบเทียบวุฒิการศึกษาในระดับมัธยมปลาย ไม่ได้เป็นการสอบวัดความถนัดทางวิชาการเหมือนการสอบ IELTS หรือสอบ SAT จึงสามารถเก็บคะแนนได้โดยไม่มีวันหมดอายุ

  • ข้อสอบ GED เป็นภาษาอะไร ไม่เก่งภาษาอังกฤษ สามารถสอบ GED ได้ไหม ?

ข้อสอบ GED จะเป็นข้อสอบ ภาษาอังกฤษทั้งหมดในทุกขั้นตอน ดังนั้นหากไม่ได้ภาษาอังกฤษเลยจะเป็นอุปสรรคในการสอบ ซึ่งสำหรับผู้ที่ไม่ได้ภาษาอังกฤษแต่อยากสอบ GED ก็ขอแนะนำให้ลงติวปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษเพิ่มเติมกับคอร์ส Foundation English เพื่อเตรียมพร้อมด้านภาษา แล้วต่อด้วยคอร์สติว GED ที่เจาะลึกแต่ละวิชา พร้อมเทคนิคเฉพาะ

  • GED สอบได้ตั้งแต่อายุเท่าไร ?

การสอบ GED เปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถลงสอบได้ตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป โดยไม่มีการกำหนดเพดานอายุสูงสุดของผู้สอบ แต่ทั้งนี้ น้อง ๆ ที่อายุต่ำกว่า 18 ปีจะต้องทำการส่งเอกสารรับรอง GED Consent Form จากผู้ปกครองเพื่อขออนุมัติการสมัครสอบ (ใช้เวลาดำเนินการเพียง 1 – 2 วันก็สามารถสมัครสอบได้แล้ว)

  • ข้อสอบ GED มีวิชาอะไรบ้าง ?

การสอบ GED จะมีรายวิชาการสอบทั้งหมด 4 วิชา ได้แก่

  • ภาษาอังกฤษ (Reasoning Through Language Arts) วัดทักษะพื้นฐานทางการใช้งานภาษาอังกฤษ กำหนดเวลาสอบ 150 นาที
  • คณิตศาสตร์ (Mathematical Reasoning) วัดทักษะพื้นฐานด้านการคิดคำนวณ โดยจะมีทั้งส่วนที่อนุญาตให้ใช้เครื่องคิดเลขในการคิดคำตอบและส่วนที่ไม่อนุญาตให้ใช้งานเครื่องคิดเลข กำหนดเวลาสอบ 115 นาที
  • วิทยาศาสตร์ (Science) วัดความรู้พื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์, เคมี, ชีววิทยา, ฟิสิกส์ รวมไปถึงการตั้งสมมติฐานการทดลองทางวิทยาศาสตร์ด้านต่าง ๆ กำหนดเวลาสอบ 90 นาที
  • สังคมศึกษา (Social Studies) วัดความรู้ด้านสังคมศาสตร์, การเมือง, การปกครอง, ประวัติศาสตร์ รวมไปถึงภูมิศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ แต่ความพิเศษของข้อสอบในรายวิชานี้จะวัดความรู้ด้านสังคมศาสตร์ของประเทศ “สหรัฐอเมริกา” กำหนดเวลาสอบ 70 นาที

ทั้งนี้ น้อง ๆ สามารถเลือกลงสอบแบบแยกรายวิชาตามความพร้อมของแต่ละคนได้ ไม่จำเป็นต้องสอบรวดเดียวให้ครบทั้ง 4 รายวิชาแต่อย่างใด โดยคะแนน GED ทุกรายวิชาจะมีคะแนนเต็มอยู่ที่ 200 คะแนน และมีเกณฑ์ขั้นต่ำรายวิชาละ 145 คะแนน หากได้คะแนนสูงกว่า 145 ก็จะถือว่าสอบผ่านในรายวิชานั้น ๆ และไม่จำเป็นต้องสอบซ้ำ แต่ถ้าคะแนนขั้นต่ำของคณะที่น้อง ๆ ต้องการเข้าเรียนต่อ มีกำหนดคะแนนที่ต่างไปจากนี้ น้อง ๆ อาจจะต้องสอบให้ถึงคะแนนที่กำหนด เพื่อที่มีสิทธิ์ยื่นเอกสารสมัครต่อไป ซึ่งเราแนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลกับทางคณะโดยตรงอีกครั้ง

  • ผลสอบ GED รอนานไหม ?

โดยปกติแล้วผลสอบ GED จะออกภายใน 24 ชั่วโมงหลังสอบเสร็จ แต่บางครั้งอาจใช้เวลาราว 2 – 3 วันหลังสอบ (ขึ้นอยู่กับวันที่ลงสอบ) ซึ่งหากระบบทำการตรวจสอบผลการสอบเป็นที่เรียบร้อยก็จะดำเนินการส่งอีเมลแจ้งเตือนผลสอบในระบบ จากนั้นจะสามารถเข้าไปตรวจสอบคะแนนได้ในเมนู “My Scores”

ทั้งนี้ หากน้อง ๆ สอบผ่านทั้ง 4 รายวิชาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ระบบจะทำการส่งอีเมลแจ้งเตือนใบประกาศนียบัตรรับรองวุฒิการศึกษา (GED Diploma) และใบรับรองผลการเรียน (GED Transcript) ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Diploma และ e-Transcript) ซึ่งหากต้องการใบประกาศนียบัตรและใบรับรองผลการเรียนในรูปแบบกระดาษจะต้องเสียค่าธรรมเนียมฉบับละ $15 (ประมาณ 520 บาท) และค่าส่งโดย FedEx เพิ่มอีกราว $47.50 (หรือ 1,640 บาท)

  • GED สอบได้กี่ครั้ง ?

การสอบ GED สามารถลงสอบได้แบบ “ไม่จำกัดจำนวนครั้ง” ลงสอบกี่ครั้งก็ได้จนกว่าจะได้ผลสอบที่พอใจ แต่การลงสอบ GED จะสามารถลงสอบติดกันได้สูงสุด 3 ครั้ง หากลงสอบครบ 3 ครั้งติดกันและต้องการสอบรอบใหม่ จะต้องเว้นระยะเวลาการลงสมัครสอบไปอีก 60 วันจึงจะสามารถลงสอบในรอบใหม่ได้

  • GED Ready คืออะไร ? ต่างจาก GED ยังไงบ้าง ?

ข้อสอบ GED Ready เป็นข้อสอบเหมือนข้อสอบ GED แต่มีจำนวนข้อและคะแนนเต็มน้อยกว่า “ทุกคน” จำเป็นต้องสอบข้อสอบตัวนี้ให้ผ่านก่อน จึงจะสามารถสมัครสอบ GED ตัวจริงได้ หากยังไม่สมัครสอบ GED Ready หรือยังสอบไม่ผ่าน ทางระบบก็จะทำการล็อคไอดีไว้ไม่ให้สมัครสอบจริงในรายวิชานั้น ๆ โดยข้อสอบ GED Ready นอกจากเป็นตัวช่วยให้น้อง ๆ ได้ทบทวนลักษณะข้อคำถามของโจทย์ก่อนการสมัครจริงแล้ว หลังจากการทดสอบ ภายในระบบก็จะมีการวิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อนของน้อง ๆ จากการสอบ GED Ready เพื่อให้น้อง ๆ สามารถโฟกัสการสอบได้ถูกจุดและลงติวเพิ่มเพื่อคว้าคะแนน GED ในฝันได้อีกด้วย

  • สมัครสอบ GED อย่างไร ? ค่าสอบวิชาละเท่าไหร่ ?

ในส่วนของวิธีสมัครสอบ GED ผู้สอบสามารถทำได้ด้วยตนเองง่าย ๆ ด้วยการสร้าง GED ID จากนั้นกรอกข้อมูลให้เรียบร้อย และดำเนินการสมัครสอบ GED Ready ให้ผ่านทุกรายวิชา (ต้องได้คะแนนสูงกว่า 145 คะแนนขึ้นไป) จึงจะสามารถสมัครสอบจริงในรายวิชานั้น ๆ ได้

โดยอัตราค่าสมัครสอบ GED Ready จะอยู่ที่รายวิชาละ $6.99 (ประมาณ 240 บาท) และสามารถลงสมัครสอบพร้อมกันทีเดียว 4 วิชาเพื่อรับดีลพิเศษลดค่าสอบเหลือเพียง $22.99 (คิดเป็นเงินไทยได้ 795 บาท) จาก $27.96 (ราว 965 บาท) ได้ แต่การสอบ GED สนามจริง จะมีอัตราค่าสอบเท่ากันทุกรายวิชาที่ $80 (หรือประมาณ 2,750 บาท) และไม่มีดีลลดราคาพิเศษ

  • GED เปิดสอบวันไหนบ้าง ?

การสอบ GED จะมีรอบสอบที่ศูนย์สอบในทุกวันจันทร์ – เสาร์ ตั้งแต่เวลา 9:00 – 16:00 น.

  • GED สอบออนไลน์ได้มั้ย ?

น้อง ๆ สามารถสอบออนไลน์ได้เฉพาะการสอบ GED Ready ก่อนการสอบจริงเท่านั้น แต่หากเป็นการสอบ GED ในรอบจริง ผู้สอบทุกคนจำเป็นที่จะต้องเดินทางมาสอบที่ศูนย์สอบ GED เท่านั้น เนื่องจากในประเทศไทยยังไม่รองรับการสอบ GED Online ที่บ้านด้วยตนเอง

  • ศูนย์สอบ GED อยู่ที่ไหนบ้าง ?

สำหรับการสอบ GED Ready นั้นไม่จำเป็นต้องเดินทางมาสอบที่ศูนย์สอบ แต่จะสามารถทำข้อสอบได้ที่บ้านในช่วงเวลาที่สะดวกได้เลย ส่วนใครที่สอบ GED Ready จนผ่านครบทุกรายวิชา และเตรียมพร้อมสำหรับการสอบ GED สนามจริงเป็นที่เรียบร้อยก็สามารถลงสมัครสอบ GED ในระบบและเลือกเดินทางไปสอบได้ที่ศูนย์สอบ GED ทั้ง 12 แห่งใกล้บ้านที่มีอยู่ทั่วประเทศไทยได้เลย

พิกัดศูนย์สอบ GED ทั่วไทย

  • วันสอบ GED ต้องเตรียมอะไรไปบ้าง ?

บัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต โดยจะต้องมีตัวสะกดตรงกับข้อมูลที่ดำเนินการสมัคร GED ID ทุกประการ หากข้อมูลไม่ตรงกันจะไม่อนุญาตให้เข้าสอบ

  • สอบ GED พกเครื่องคิดเลขเข้าไปได้ไหม ?

ทางศูนย์สอบ GED ไม่อนุญาตให้นำเอาเครื่องคิดเลขหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รูปแบบอื่น ๆ เข้าไปในห้องสอบ แต่สำหรับการสอบคณิตศาสตร์ในข้อที่อนุญาตให้ใช้เครื่องคิดเลขในการคำนวณร่วมด้วยได้ จะมีเครื่องคิดเลขบนหน้าจอให้สามารถใช้ระหว่างสอบได้

  • วุฒิ GED ยื่นเข้าคณะอะไรได้บ้าง ?

ถ้าใครกำลังกังวลว่าวุฒิ GED จะเพียงพอต่อการสอบเข้าคณะที่ต้องการได้หรือไม่ ก็ต้องขอบอกเลยว่าขึ้นอยู่กับเกณฑ์การรับสมัครของคณะ ซึ่งมหาวิทยาลัยในประเทศไทยส่วนใหญ่ที่เปิดการเรียนการสอนในหลักสูตรอินเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น จุฬาฯ, ธรรมศาสตร์, มหิดล, เกษตรศาสตร์, พระจอมเกล้าฯ, ศิลปากร, มศว และมหาวิทยาลัยชั้นนำอื่น ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนมีการระบุเอาไว้ว่าสามารถใช้วุฒิ GED ยื่นทดแทนวุฒิการศึกษาระดับมัธยมปลายได้ แต่จะต้องทำการ แปลงคะแนน GED เทียบ GPAX และขอใบเทียบผลการเรียนเฉลี่ยสะสม GPAX Equivalence Certificate ให้เรียบร้อยก่อนดำเนินการสมัครเรียนในระบบ TCAS

  • ใช้วุฒิ GED ยื่นเข้าเรียนป.ตรีได้เลยหรือไม่ ? ต้องสอบอะไรอีกบ้าง ?

แม้ว่าหลาย ๆ มหาวิทยาลัยจะอนุญาตให้ยื่นเทียบวุฒิ GED แทนการใช้วุฒิมัธยมศึกษาตอนปลาย แต่คณะส่วนใหญ่มักจะเป็น “หลักสูตรอินเตอร์” น้อง ๆ จึงต้องยื่นคะแนนผลทดสอบภาษาอังกฤษควบคู่กันไปกับการสมัครเรียนด้วย รวมไปถึงบางคณะก็มีการเรียกขอคะแนนความถนัดด้านอื่น ๆ เช่น คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, สถาปัตย์, หรืออื่น ๆ ตาม Requirement ของคณะนั้น ๆ แนะนำให้น้อง ๆ ทำการตรวจสอบเกณฑ์การรับสมัครของคณะที่ต้องการสอบเข้าอย่างละเอียดก่อนสมัครเรียนอีกครั้งหนึ่ง

  • สอบ GED ผ่านแล้ว แต่อยาก Rescore ต้องทำอย่างไร ?

สำหรับน้อง ๆ ที่สอบผ่าน GED เป็นที่เรียบร้อย แต่อยากสอบใหม่เพื่อเพิ่มคะแนนสอบ จะสามารถทำเรื่องขอ Rescore ได้เพียงแค่รายวิชาละ 1 ครั้งเท่านั้น โดยสามารถอ่านขั้นตอนการขอ Rescore GED ได้ ที่นี่

วางแผนจะสอบ GED เริ่มจากตรงไหนดี ? และต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง ?

อันดับแรกเลยน้อง ๆ จะต้องดูในเรื่องของ “ภาษา” ก่อน หากสามารถใช้งานภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วและลองทำโจทย์ดูแล้วไม่พบปัญหาสามารถเริ่มเตรียมตัวอ่านสอบ GED ได้เลย แต่สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจเรื่องภาษา หรือต้องการติวสอบ GED แบบเก็บครบทุกรายวิชา เจาะลึกทุกเทคนิคทำสอบ พร้อมตะลุยโจทย์คลังข้อสอบเก่าแบบเน้น ๆ เราขอแนะนำให้ลงติวสอบ GED กับ House of Griffin สถาบันติวสอบ GED อันดับ 1 ที่ผ่านการรับรองอย่างเป็นทางการจาก GED Official สอนโดยครูผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาวิชา ประสบการณ์สอนมากกว่า 14 ปี กับคอร์ส GED Exclusive ที่เราการันตีสอบผ่านใน 2 เดือน (ตามเงื่อนไขที่ทางโรงเรียนกำหนด) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยนะคะ

Share this article