
สำหรับใครที่กำลังวางแผนจะไปวัดระดับภาษาอังกฤษเพื่อนำเอาคะแนนไปยื่นเรียนต่อมหาวิทยาลัยหลักสูตรอินเตอร์ในไทยหรือเอาคะแนนไปยื่นเรียนต่อต่างประเทศ แต่ยังลังเลว่าจะสอบอะไรดีระหว่าง IELTS, TOEFL หรือ Duolingo บทความนี้มีคำตอบ ! เพราะพี่กริฟฟินจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษทั้ง 3 ชุดให้มากขึ้น พร้อมเทียบความเหมือน-ต่างของข้อสอบแต่ละแบบเพื่อเป็นตัวช่วยให้น้อง ๆ สามารถพิจารณาเลือกข้อสอบเหมาะสมกับตัวเองก่อนตัดสินใจไปสอบกัน
ข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ IELTS
International English Language Testing System หรือ IELTS คือ ข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่วัดทักษะได้อย่างครบถ้วนทั้ง 4 ทักษะ (ฟัง, พูด, อ่าน, เขียน) อีกทั้งยังได้รับการยอมรับจากองค์กรทั้งภาครัฐ เอกชน และสถานศึกษาชั้นนำทั่วโลกกว่า 11,000 แห่ง จึงเป็นข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลก โดยสามารถเลือกสอบได้ทั้ง IELTS General ที่เป็นการสอบแบบทั่วไปเพื่อนำเอาคะแนนไปใช้ยื่นเข้าทำงาน และ IELTS Academic ที่เป็นการสอบเพื่อเข้าศึกษาต่อที่นำเอาคะแนนไปยื่นเรียนได้ทั้งในมหาวิทยาลัยต่างประเทศและมหาวิทยาลัยในไทยหลักสูตรอินเตอร์
เนื้อหาและรูปแบบการสอบ IELTS
การสอบ IELTS แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลัก ๆ ได้แก่ การสอบ IELTS บนกระดาษ (IELTS on Paper) ที่จะได้รับผลสอบภายใน 13 วันทำการ และการสอบ IELTS ผ่านคอมพิวเตอร์ (IELTS on Computer) ที่จะได้รับผลสอบภายใน 1 – 5 วันทำการ โดยการสอบ IELTS ทั้งแบบกระดาษและออนไลน์จะมีอัตราค่าสอบอยู่ที่ 7,650 บาทเท่ากัน และมีระยะเวลาการทำข้อสอบ 2 ชั่วโมง 45 นาที แบ่งเนื้อหาการสอบเป็น 4 พาร์ท ตามทักษะทางภาษาอังกฤษทั้ง 4 ทักษะ ดังนี้
Listening (การฟัง) กำหนดเวลาการสอบ 30 นาที มีคำถามทั้งหมด 40 ข้อ เน้นวัดทักษะด้านการฟังและจับใจความ โดยจะเรียงลำดับข้อสอบจากง่ายไปยาก แต่จะสามารถฟังได้เพียงรอบเดียวเท่านั้น (ไม่เล่นซ้ำ)
Reading (การอ่าน) กำหนดเวลาการสอบ 60 นาที มีคำถามทั้งหมด 40 ข้อ เน้นวัดทักษะด้านการอ่านจับใจความและการวิเคราะห์ข้อมูลจากการอ่าน (หากเลือกสอบ IELTS Academic อาจเป็นการอ่านบทความที่มีเนื้อหาเชิงวิชาการ)
ลักษณะข้อสอบจะเป็นการอ่านบทความ (Passage) ทั้งหมด 3 เรื่องและตอบคำถามจากเรื่องที่อ่าน
Writing (การเขียน) กำหนดเวลาการสอบ 60 นาที มีโจทย์ทั้งหมด 2 ส่วน ได้แก่ การเขียนอธิบายและเปรียบเทียบข้อมูลจากโจทย์ที่กำหนดให้ (150 คำขึ้นไป) และการเขียน Essay จากหัวข้อที่โจทย์กำหนดให้ (250 คำขึ้นไป) โดยหากเลือกสอบเป็นในรูปแบบ IELTS Academic ผู้สอบจะได้รับหัวข้อในเชิงวิชาการ
Speaking (การพูด) กำหนดเวลาการสอบ 11 – 14 นาที มีโจทย์ทั้งหมด 3 ส่วน (แบ่งเป็นส่วนละ 3 – 4 นาที) ได้แก่ แนะนำตัวและพูดคุยเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวัน, พูดในหัวข้อตามที่โจทย์กำหนดให้ และพูดคุยแสดงความเห็นเกี่ยวกับหัวข้อในส่วนที่สองกับกรรมการคุมสอบ
ทั้งนี้ ผู้สอบจำเป็นที่จะต้องเดินทางไปสอบที่ศูนย์สอบที่เลือกเอาไว้เท่านั้น ไม่สามารถสอบออนไลน์ที่บ้านได้ เนื่องจากมีกฎระเบียบการสอบที่เข้มงวด รวมทั้งจำเป็นที่จะต้องสอบพาร์ท Speaking กับกรรมการคุมสอบที่ศูนย์สอบอีกด้วย (อ่านข้อแตกต่างของการสอบ IETLS รูปแบบกระดาษและออนไลน์เพิ่มเติมได้ ที่นี่)
การคิดคะแนน IELTS
การสอบ IELTS จะมีการแบ่งระดับความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของผู้สอบออกเป็น 9 ระดับ (Band) ตั้งแต่ 1.0 – 9.0 บวกเพิ่มทีละ 0.5 คะแนน (คำนวณโดยการเศษปัดขึ้น) โดยจะคำนวณคะแนนแบบแยกพาร์ทการสอบแต่ละประเภทและนำมาคิดคะแนนรวม (Overall) และผลคะแนนจะมีอายุ 2 ปีนับจากวันสอบ
ข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ TOEFL
Test of English as a Foreign Language หรือ TOEFL คือ ข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่เน้นการใช้งานภาษาแบบ American English เป็นหลัก จึงนิยมใช้สำหรับการเรียนต่อมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา หรือใช้คะแนนเพื่อยื่นเข้าทำงาน แต่มหาวิทยาลัยในไทยภาคอินเตอร์ก็เปิดรับคะแนน TOEFL ด้วยเช่นกัน จึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่น่าสนใจอีกชุดหนึ่ง
เนื้อหาและรูปแบบการสอบ TOEFL
สำหรับการสอบ TOEFL จะมีรูปแบบการสอบหลากหลายประเภท และการสอบแต่ละรูปแบบก็มีเนื้อหาการสอบที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
TOEFL IBT (Internet-Based Test)
TOEFL IBT คือ การสอบผ่านระบบคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากผลคะแนนมีความเป็นสากลที่ใช้ยื่นเข้าเรียนหรือทำงานในองค์กรชั้นนำได้ทั่วโลก รวมถึงสามารถเลือกสอบได้ทั้งที่ศูนย์สอบและการ “สอบที่บ้าน” โดยมีอัตราค่าสมัครสอบเท่ากันที่ 215$ (7,500 บาท โดยประมาณ) รู้ผลคะแนนสอบภายใน 6 วันทำการ กำหนดระยะเวลาทำข้อสอบทั้งหมด 3 ชั่วโมง 30 นาที มีการวัดทักษะการใช้งานภาษาอังกฤษของผู้สอบอย่างครบถ้วนทั้ง 4 ด้าน (ฟัง, พูด, อ่าน, เขียน) ดังนี้
Reading กำหนดเวลาการสอบ 54 – 72 นาที มีคำถามทั้งหมด 30 – 40 ข้อ (โจทย์ละ 10 ข้อ) ลักษณะข้อสอบจะเป็นการอ่านบทความ (Passage) ทั้งหมด 3 – 4 เรื่องและตอบคำถามจากเรื่องที่อ่าน
Listening กำหนดเวลาการสอบ 41 – 57 นาที มีคำถามทั้งหมด 10-15 ข้อ จากโจทย์ 2 ส่วน ได้แก่ Lecture 3 – 4 บท (บทละ 3 – 5 นาที) มีคำถามบทละ 6 ข้อ และ Conversation 2 – 3 บท (บทละ 3 นาที) มีคำถามบทละ 5 ข้อ
Writing กำหนดเวลาการสอบ 50 นาที มีคำถามทั้งหมด 2 ข้อ จากโจทย์ 2 ส่วน คือ Independent Task หรือการเขียน Essay แสดงความเห็นตามหัวข้อกำหนด และ Integrated Task หรือการเขียนตอบคำถามตามโจทย์ที่กำหนดให้ (อาจมีการอ่านบทความหรือฟังบทบรรยายร่วมด้วย)
Speaking กำหนดเวลาการสอบ 17 นาที มีคำถามทั้งหมด 4 ข้อ จากโจทย์ 2 ส่วน คือ Independent Task หรือการพูดแสดงความเห็นตามหัวข้อกำหนด และ Integrated Task หรือการพูดตอบคำถามตามโจทย์ที่กำหนดให้ (อาจมีการอ่านบทความหรือฟังบทบรรยายร่วมด้วย)
TOEFL ITP (Institutional Testing Program)
TOEFL ITP คือ ข้อสอบ TOEFL แบบกระดาษที่ทางสถาบันต่าง ๆ เป็นผู้จัดสอบขึ้นด้วยตัวเอง จึงสามารถนำเอาคะแนนสอบไปยื่นใช้งานได้เฉพาะกับสถาบันที่ผู้จัดสอบระบุเอาไว้เท่านั้น อัตราค่าสมัครสอบเพียง 1,600 – 1,900 บาท รู้ผลคะแนนภายใน 1-3 วันทำการ โดย TOEFL ITP จะกำหนดระยะเวลาทำสอบทั้งหมด 2 ชั่วโมง และมีการวัดทักษะการใช้งานภาษาอังกฤษของผู้สอบเพียง 3 ทักษะ ได้แก่ การฟัง (Listening), ไวยากรณ์ (Structure) และการอ่าน (Reading) ดังนี้
- Listening Comprehension กำหนดเวลาการสอบ 35 นาที มีคำถามทั้งหมด 50 ข้อ เน้นวัดทักษะด้านการฟังศัพท์ภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ
- Structure and Written Expression กำหนดเวลาการสอบ 25 นาที มีคำถามทั้งหมด 40 ข้อ เน้นวัดทักษะด้านแกรมมาร์หรือไวยกรณ์ภาษาอังกฤษในเชิงวิชาการผ่านการเขียนตอบตอบสั้น ๆ
- Reading Comprehension กำหนดเวลาการสอบ 55 นาที มีคำถามทั้งหมด 50 ข้อ เน้นวัดทักษะด้านการอ่านภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ
การคิดคะแนนสอบ TOEFL
ผลการสอบ TOEFL จะมีระบบการคิดคะแนนแตกต่างกันออกไปตามประเภทการสอบ โดย TOEFL IBT จะมีคะแนนตั้งแต่ 0 – 120 คะแนน ส่วน TOEFL ITP มีคะแนนตั้งแต่ 310 – 677 คะแนน และผลคะแนนจะมีอายุ 2 ปีนับจากวันสอบ
ข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ Duolingo
ในส่วนของข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ Duolingo English Test (DET) หรือที่หลาย ๆ คนนิยมเรียกว่า “ข้อสอบนกเขียว” เป็นข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน เนื่องจากในตอนนี้มหาวิทยาลัยหลาย ๆ แห่งทั่วโลกได้เริ่มเปิดรับคะแนน DET เป็นหนึ่งในเกณฑ์วัดระดับภาษาของผู้เรียนกันบ้างแล้ว รวมไปถึงมหาวิทยาลัยในไทยเองก็อนุญาตให้ยื่นคะแนน DET ได้ด้วยเช่นกัน
เนื้อหาและรูปแบบการสอบ Duolingo (DET)
ข้อสอบ Duolingo (DET) จะเปิดให้สอบแบบ “ออนไลน์” เท่านั้น ไม่มีข้อสอบรูปแบบกระดาษ โดยผู้ที่สนใจลงสอบสามารถสมัครสอบผ่านแอปพลิเคชัน Duolingo ได้ตลอด 24 ชั่วโมงในวันที่พร้อมสอบ สามารถทำสอบได้ทุกที่ ไม่มีการกำหนดรอบการสอบเหมือนกับข้อสอบอื่น ๆ และมีอัตราค่าสมัครสอบอยู่ที่ 1,600 บาท กำหนดระยะเวลาทำสอบเพียง 1 ชั่วโมง และรู้ผลสอบภายใน 2 วัน ส่วนเนื้อหาการสอบจะเป็นข้อสอบแบบ Adaptive Test ที่มีการปรับระดับความยาก-ง่ายของคำถามตามทักษะทางภาษาอังกฤษของผู้เรียน จึงลดโอกาสที่จะข้ามข้อสอบหรือการเดาคำตอบจากความไม่รู้ของผู้สอบไปได้ โดยจะมีการสอบวัดระดับความสามารถในการใช้งานภาษาอังกฤษทั้ง 4 ทักษะ (ฟัง, พูด, อ่าน, เขียน) แบบผสมผสาน (Mixed Skills) ดังนี้
Production วัดทักษะด้านการเขียนและการพูด
Literacy วัดทักษะด้านการอ่านและการเขียน
Comprehension วัดทักษะด้านการอ่านและการฟัง
Conversation วัดทักษะด้านการฟังและการพูด
นอกจากนี้ยังมีข้อสอบเสริมที่วัดทักษะด้านการพูดและการเขียนของผู้สอบที่ไม่นำเอามานับคะแนนอยู่ในช่วงท้ายของการสอบด้วย โดยข้อสอบในส่วนนี้จะมีการบันทึกเสียงและหน้าจอเอาไว้เพื่อส่งไปยังมหาวิทยาลัยที่เราเลือกยื่นคะแนน DET เข้าศึกษาต่อโดยตรง
เจาะลึกข้อสอบ Duolingo คลิก
การคิดคะแนน Duolingo (DET)
คะแนนสอบ Duolingo (DET) จะมีคะแนนตั้งแต่ 10 – 160 คะแนน แบ่งระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษของผู้สอบออกเป็น 4 ระดับ และผลคะแนนจะมีอายุ 2 ปีนับจากวันสอบ
ตารางเปรียบเทียบข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ IELTS TOEFL Duolingo
เตรียมสอบวัดระดับภาษาอังกฤษกับ House of Griffin สถาบันอันดับ 1 ติวเข้าอินเตอร์
มาถึงตรงนี้ น้อง ๆ ก็น่าจะมีข้อมูลเกี่ยวกับข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษทั้ง IETLS, TOEFL และ Duolingo กันเพิ่มมากขึ้นแล้ว แต่ถ้าใครอยากติวเข้มเพื่อคว้าคะแนนสอบไปยื่นเข้าคณะในฝันก็สามารถมาลงคอร์สติวกับ House of Griffin ได้เลย เลือกติวได้ทั้งคอร์ส IETLS, TOEFL และ Duolingo ทั้งแบบเดี่ยวและแบบกลุ่มเล็ก ฝึกทักษะภาษาอังกฤษแบบรอบด้านเพราะเจาะลึกเทคนิคการทำสอบแบบเน้น ๆ จากทีมคุณครูผู้เชี่ยวชาญ ประสบการณ์สอบมากกว่า 14 ปี