Skip to content

4 เทคนิคพิชิตโจทย์ข้อสอบ GED Math

GED MATH

ข้อสอบ GED Math ยากไหม? ในการทำโจทย์ข้อสอบ GED Math นั้นหากน้องมีเทคนิคในการทำก็จะช่วยทำให้สามารถเอาตัวรอดจากข้อสอบที่น้อง ๆ อาจจะมองว่ายากได้ครับ วันนี้พี่กริฟฟินมีเทคนิคที่อาจจะช่วยน้อง ๆ เมื่อเจอสถานการณ์คับขันในห้องสอบได้ ซึ่งประกอบได้ 4 เทคนิคดังต่อไปนี้

เทคนิคที่ 1 : Work Backward

ข้อสอบ GED Math นั้น โดยปกติแล้วโจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์จะให้ข้อมูลมาบางส่วนจากนั้นจะให้เราหาคำตอบ แต่ก็จะมีโจทย์บางแบบที่ให้ผลลัพทธ์ปลายทางมาแล้วให้เราหาบางอย่างที่เกิดขึ้นในโจทย์ก่อนหน้านั้น ซึ่งในการแก้โจทย์ปัญหาลักษณะนี้น้อง ๆ สามารถใช้เทคนิค Work Backward ช่วยได้ครับ ลองมาดูตัวอย่างโจทย์กัน

ตัวอย่าง

A rental car company charges a daily fee of $50 plus $0.50 for every mile traveled. Jane rents a car and returns it after three days. If her total charge (not including tax) equals $225.50, how many miles did she drive?

การทำโจทย์ข้อนี้อาจจะต้องมีการสร้างสมการเพื่อหาระยะที่รถวิ่งไป แต่หากใช้เทคนิค Work Backward แล้วการสร้างสมการก็แทบจะไม่จำเป็นครับ โดยเราจะสนใจไปที่ค่าใช้ต่ายรวมตอนสุดท้ายก่อนเลย จากนั้นจึงคิดย้อนกลับมา โดยที่ค่าเช่ารถทั้งหมดที่ต้องจ่าย คือ $225.50 หากหักค่าธรรมเนียมต่อวันออกไปก็จะเหลือแค่ค่าใช้จ่ายตามระยะทาง ซึ่งก็จะหาได้จาก 225.50 – 50 = 175.50 จากนั้นก็จะสามารถหาระยะทางที่ขับไปได้จาก Concept เรื่อง Total Cost ซึ่งจะได้ว่า

ระยะทางทั้งหมด = 175.50 / 0.5 = 351 miles

เทคนิคที่ 2 : Make a List or a Table

อีกหนึ่งเทคนิคที่จะช่วยในการทำโจทย์ข้อสอบ GED Math ก็คือ การสร้างตารางนั่นเอง การสร้างตารางจะช่วยทำให้น้อง ๆ เห็นภาพของสิ่งที่เกิดขึ้นในโจทย์ได้ชัดเจนขึ้น จนบางครั้งไม่จำเป็นต้องสร้างสมการที่ดูจะเป็นเรื่องยากของหลาย ๆ คนเลยก็ได้

ตัวอย่าง

A fruit vending machine accepts dollars. Each piece of fruit will set you back 65 cents. The machine returns only quarters, dimes, and nickels. Now, which combinations of coins are options as change for one dollar?

จากโจทย์สิ่งที่เราต้องทราบก่อนเลยนั่นก็คือค่าเงินของเหรียญชนิดต่าง ๆ ครับ ได้แก่ Quarters = 25 cents, Dime = 10 cents, Nickel = 5 cents ซึ่งหมายความว่าเงินทอน 35 cents ที่ได้จากการซื้อผลไม้นั้นจะมาจากเหรียญทั้งสามชนิดนี้ หากเราใช้เทคนิค Make a List or a Table มาช่วยจะทำให้เห็นภาพมากขึ้นดังนี้ครับ

Quarter
Dime
Nickel
Total
1
1
0
35
1
0
2
35
0
3
1
35
0
2
3
35
0
1
5
35
0
0
7
35

จากตารางที่สร้างขึ้นจะทำให้เราเห็นทุกรูปแบบที่เป็นไปได้ของเหตุการณ์ที่โจทย์สนใจนั่นคือการทอนเงินด้วยเหรียญสามชนิดให้ได้มูลค่า 35 cents โดยที่เราไม่จำเป็นต้องสร้างสมการเลยครับ

เทคนิคที่ 3 : Solve a Simpler Problem

เทคนิคที่ช่วยทำให้การทำโจทย์ข้อสอบ GED Math ง่ายขึ้น ด้วยการแก้โจทย์ในลักษณะเดียวกันที่ง่ายกว่า จากนั้นเมื่อได้แนวทางในการคิดแล้ว ค่อยนำวิธีนั้นไปใช้แก้โจทย์จริงครับ

ตัวอย่าง

Two industry workers can produce two chairs in exactly two days. What’s the number of chairs that 8 workers can produce in 20 days when they work at exactly the same rate?

เราเริ่มต้นด้วยการคำนวณจำนวนเก้าอี้ที่คนงานหนึ่งคนสามารถผลิตได้ในสองวันก่อน ซึ่งจะได้ว่าคนงานหนึ่งคนใช้เวลาสองวันในการผลิตเก้าอี้หนึ่งตัวนั่นเอง จากนั้นเราก็นำแนวคิดนี้ไปใช้ต่อ โดยหากเราต้องการหาจำนวนเก้าอี้ที่ผลิตได้ใน 20 วัน ก็หมายความว่าจะสามารถผลิตเก้าอี้ได้ 10 ตัวนั่นเอง (1 ตัวใช้เวลา 2 วัน) และสุดท้ายเมื่อเรามีคนงานทั้งหมด 8 คนเราก็จะสามารถผลิตเก้าอี้ได้ทั้งหมด 80 ตัวภายใน 20 วันครับ

เทคนิคที่ 4 : Guess & Check

เทคนิคสุดท้ายที่เราจะมาดูกันก็คือ Guess & Check ครับ ว่ากันแบบเข้าใจง่าย ๆ ก็คือ เดามั่วนั่นแหละครับ 55555 แต่จริง ๆ แล้วในการเดามั่วมันก็มีศิลปะของมันอยู่ เราจะมั่วอย่างไรให้ดูสมเหตุสมผล มั่วอย่างไรให้เราเข้าใกล้คำตอบมากขึ้น มาลองดูตัวอย่างกันครับ

ตัวอย่าง

A company manufactures light bulbs. If 1 out of 25 light bulbs produced by the company is found to be defective, how many defective light bulbs will there be in a batch of 3,075 light bulbs?


(a) 25
(b) 123
(c) 500
(d) 76,875

มาดูกันครับว่าเราจะเดาคำตอบกันยังไงดีในข้อนี้ โจทย์เริ่มต้นด้วยการบอกอัตราส่วนของหลอดไฟที่เสียต่อหลอดไฟที่ผลิตมา คือ 1 ต่อ 25 แปลว่าทุก ๆ หลอดไฟ 25 ดวงที่ผลิตมาจะมีหลอดไฟที่เสีย 1 หลอดนั่น จากตรงนี้ถ้าลองคิดง่าย ๆก่อน

25 หลอดจะเสีย 1 หลอด

250 หลอดก็จะเสีย 10 หลอด

2,500 หลอดก็จะเสีย 100 หลอดนั่นเอง

เพราะฉะนั้นเราสามารถตัด Choice (a) ได้แล้วครับ นอกจากนั้นก็ยังสามารถตัดข้อ (d) ได้อีกด้วย เนื่องจากหลอดไฟที่เสียจะมีมากกว่าหลอดไฟที่ผลิตไม่ได้นั่นเอง ทำให้ตอนนี้เหลือคำตอบให้เลือกเพียง 2 ข้อเท่านั้น เพิ่มโอกาสในการตอบถูกจาก 25% มาเป็น 50% แล้วครับ จากนั้นลองคิดต่ออีกนิดนึง จาก 2,500 หลอดจะเสีย 100 หลอดเพราะฉะนั้นจาก 5000 หลอดก็จะเสีย 200 หลอดนั่นเอง เพราะฉะนั้นจะเห็นว่า จำนวนหลอดที่เสียจะไม่เกิน 200 หลอดแน่ ๆ ดังนั้นคำตอบที่ถูกต้องจึงเป็นข้อ (b) ครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 4 เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พี่กริฟฟินนำมาฝาก ถ้าใครอยากได้เทคนิคดี ๆ เพิ่มเติม ฝึกทำโจทย์ย้อนหลังจนรู้ทุกแนว ออกโจทย์ยากแค่ไหนก็เอาอยู่ มาลงเรียนคอร์ส GED ที่ House of Griffin กันได้นะครับ สนใจสอบถามเพิ่มเติม ตามข้อมูลด้านล่างได้เลย

Share this article