Skip to content

วิธีเตรียมสอบ IELTS ฉบับคนไม่เก่งภาษาอังกฤษ

IELTS

หลาย ๆ คนกังวลว่าถ้าไม่เก่งภาษาอังกฤษ แต่จำเป็นต้องสอบ IELTS จะทำได้ไหมนะ พี่กริฟฟินขอบอกเลยว่าข้อสอบ IELTS ไม่ได้ยากขนาดนั้น ถ้าเรามีวิธีเตรียมสอบ IELTS อย่างที่ดี ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ น้อง ๆ สามารถทำคะแนนได้ในระดับมาตรฐานแน่นอน สำหรับใครที่กำลังวางแผนจะสอบ IELTS แต่พื้นฐานภาษาอังกฤษยังไม่แน่นและไม่รู้ว่าจะเริ่มเตรียมตัวอย่างไร วันนี้พี่กริฟฟินได้รวบรวมเคล็ดลับวิธีเตรียมสอบ IELTS ฉบับคนไม่เก่งภาษาอังกฤษ มาฝากน้อง ๆ ให้ได้เตรียมพร้อมเพื่อพิชิตข้อสอบ IELTS ได้อย่างมั่นใจ

IELTS คืออะไร

IELTS หรือ International English Language Testing System เป็นการสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษที่ได้รับการยอมรับจากสถาบันต่าง ๆ กว่า 10,000 แห่ง ใน 140 ประเทศทั่วโลก น้อง ๆ สามารถใช้ผลสอบ IELTS ในการยื่นเรียนหลักสูตรอินเตอร์ ยื่นเรียนต่อต่างประเทศ หรือยื่นสมัครงานที่จำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารก็ได้

การสอบ IELTS จะมีทั้งหมด 4 ทักษะ ได้แก่ Listening, Reading, Writing และ Speaking โดยมีคะแนนตั้งแต่ระดับ 1 ถึง 9 โดยระดับคะแนนที่น้อง ๆ ควรได้เพื่อใช้ยื่นศึกษาต่อจะอยู่ที่ระดับ 5.5 ขึ้นไป ดังนั้นน้อง ๆ ต้องจำเป็นต้องทบทวนพื้นฐานภาษาอังกฤษและเตรียมตัวสอบให้ครบทั้ง 4 ทักษะ เพื่อที่จะสามารถพิชิตคะแนน IELTS ได้ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้นั่นเอง

รายละเอียด IELTS เพิ่มเติม คลิก 

วิธีเตรียมสอบ IELTS

คนเก่งหรือจะสู้คนตั้งใจ ถึงแม้เรารู้ว่าเราไม่เก่งภาษาอังกฤษเหมือนคนอื่น แต่เรามีเป้าหมายชัดเจน พร้อมความตั้งใจที่จะพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษอย่างเต็มที่ ใช้เวลาฝึกฝนให้มาก เผื่อเวลาเตรียมตัวให้เพียงพอ และลองนำวิธีเตรียมสอบ IELTS ที่พี่กริฟฟินนำมาฝาก ไปลองปรับใช้กับตัวเองดู เชื่อได้เลยว่าคะแนนที่คาดหวังไว้ ไม่เกินกำลังของน้อง ๆ แน่นอน

1. วาง Timeline อย่างมีประสิทธิภาพ

เนื่องจากเรามีพื้นฐานภาษาอังกฤษยังไม่แน่น น้อง ๆ จำเป็นต้องวาง Timeline เผื่อไว้ล่วงหน้ามากกว่าคนอื่นสักหน่อย

เพื่อที่จะได้รู้ว่าเรามีเวลาในการเตรียมสอบนานแค่ไหน และควรต้องบริหารเวลาอย่างไรเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ขั้นแรก น้อง ๆ ต้องวางแผนก่อนว่าจะสอบ IELTS วันไหน เพื่อที่จะได้รู้ว่าเหลือเวลาอีกกี่สัปดาห์ในการเตรียมสอบ หลังจากนั้นให้ลองจัดตารางการเตรียมสอบในแต่ละวันให้ชัดเจน เช่น ในหนึ่งอาทิตย์เราจะเตรียมสอบวันไหนบ้าง ช่วงเวลาไหน วันละกี่ชั่วโมง เป็นต้น ซึ่งจะทำให้เรามีจุดมุ่งหมายมากขึ้น ลดความเครียดลง เพราะทุกอย่างถูกจัดเป็นระบบเรียบร้อย รู้ว่าในหนึ่งวันเราต้องทำอะไรบ้าง ทำให้เราบริหารจัดการเวลาในการเตรียมตัวสอบได้ดียิ่งขึ้น ยิ่งเราสามารถทำตามแผนได้มากเท่าไร ก็ยิ่งเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นเท่านั้น

2. ฝึกพื้นฐานภาษาอังกฤษให้แน่นทั้ง 4 ทักษะ

หลังจากที่เราวาง Timeline แล้ว เราก็จะรู้ว่าเหลือเวลาอีกเท่าไรในการเตรียมสอบและต้องเตรียมตัวอย่างไร ซึ่งวิธีเตรียมสอบ IELTS สำหรับคนที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษ พี่กริฟฟินแนะนำให้เริ่มจากการฝึกพื้นฐานภาษาอังกฤษทั้ง 4 ทักษะให้แน่นก่อน โดยเริ่มตั้งแต่ทักษะการฟัง แล้วต่อด้วยทักษะการอ่าน เพื่อให้พื้นฐานเราคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษมากขึ้น ซึ่ง 2 ทักษะนี้จะนำไปสู่ทักษะการพูดและทักษะการเขียนนั่นเอง

Listening ทักษะการฟัง

เริ่มจากทักษะการฟังกันก่อน ง่าย ๆ เลย ถ้าอยากฟังเก่งก็ต้องฝึกฟังเยอะ ๆ ยิ่งเยอะเท่าไรก็ยิ่งดี เพราะจะทำให้เราคุ้นชินกับสำเนียงต่าง ๆ มากขึ้น อาจเริ่มจากการฟัง Podcast ในสิ่งที่ตัวเองสนใจก่อน ดูภาพยนตร์หรือฟังเพลงต่าง ๆ ก็สามารถทำให้ทักษะการฟังของน้อง ๆ พัฒนาขึ้นได้ ลองฝึกบ่อย ๆ ให้เป็นกิจวัตรประจำวัน ฟังติด ๆ กันสัก 3 เดือน รับรองว่าเก่งขึ้นหลายสิบเท่า

Reading ทักษะการอ่าน

มาต่อด้วยทักษะการอ่าน ส่วนมากคนที่ทำพาร์ท Reading ไม่ค่อยได้ ปัญหาหลักเลยคือรู้คำศัพท์ไม่มากพอ ทำให้จับใจความไม่ได้ ไม่เข้าใจเนื้อหาโดยรวม ทำให้ตอบคำถามไม่ได้ ในข้อสอบ IELTS Reading น้อง ๆ จะเจอบทความที่ค่อนข้างยาวและคำศัพท์ค่อนข้างยาก พี่กริฟฟินแนะนำให้เริ่มฝึกเก็บคำศัพท์จากบทความสั้น ๆ ที่เราสนใจในอินเทอร์เน็ต / หนังสือ ฝึกอ่านทุกวัน เก็บเข้าคลังคำศัพท์เราไปเรื่อย ๆ แล้วค่อยเพิ่มระดับความยากขึ้นไป เคล็ดลับสำคัญของการฝึกทักษะการอ่านก็คือไม่จำเป็นต้องแปลได้ทั้งหมด เราสามารถเดาคำศัพท์จากบริบทนั้น ๆ ได้นั่นเองค่ะ นอกจากนี้เราต้องพยายามจัดการเวลาอ่านให้ดีด้วยเช่นกัน เพราะหลายคนอาจทำข้อสอบไม่ทัน และทำให้เสียโอกาสเก็บคะแนน ซึ่งถ้าเราฝึกอ่านบ่อย ๆ จะช่วยให้อ่านเร็วขึ้น เพราะเราอาจจะเจอคำศัพท์ที่คุ้นเคยอยู่แล้ว สมองเราเกิดการเรียนรู้แบบซ้ำ ๆ และสามารถทำความเข้าใจได้โดยเร็ว

Writing ทักษะการเขียน

ข้อสอบ Writing แน่นอนว่าต้องมีการใช้ Grammar ค่อนข้างเยอะ สำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานในด้านการเขียนเลย พี่กริฟฟินแนะนำให้น้อง ๆ ทบทวนหลัก Grammar ที่สำคัญก่อน จากนั้นลองเริ่มแต่งประโยคง่าย ๆ แล้วค่อย ๆ ลองเขียนเป็นบทความ Paragraph และต่อด้วยการเขียน Essay หรือเรียงความนั่นเอง นอกจากการฝึกเขียนเองแล้ว ต้องลองอ่านบทความอื่น ๆ ด้วยเพื่อที่จะได้นำเทคนิคการเขียน การวางส่วนประกอบต่าง ๆ และคำศัพท์ใหม่ ๆ มาปรับใช้และพัฒนาทักษะการเขียนของเรานั่นเอง

เทคนิคการสอบ IELTS Writing คลิก 

Speaking ทักษะการพูด

มาถึงพาร์ทสุดท้ายแล้วก็คือทักษะการพูด ส่วนมากคนที่คิดว่าตัวเองไม่เก่งภาษาอังกฤษจะไม่ค่อยกล้าพูด เนื่องจากกลัวพูดผิดแกรมมา กลัวเรื่องคำศัพท์ กลัวเรื่องสำเนียง ซึ่งความกลัวเหล่านี้ถือเป็นอุปสรรคในการสอบ Speaking เป็นอย่างมาก ดังนั้นพี่กริฟฟินอยากให้ทุกคนปรับ Mindset ของตัวเองก่อนนะคะ น้อง ๆ อาจเริ่มจากการพูดตามบทสนทนาในซีรีส์หรือภาพยนตร์ พยายามเลียนแบบการพูดและการออกเสียงให้ใกล้เคียงมากที่สุด หรืออาจลองหาเพื่อนพูดคุยอย่างสม่ำเสมอ จะเป็นคนไทยที่กำลังฝึกภาษาอังกฤษก็ได้หรือคนต่างชาติที่เป็น Native Speaker ก็ดี ฝึกพูดบ่อย ๆ จะทำให้มั่นใจมากขึ้นค่ะ

เคล็ดลับการสอบ IELTS Speaking คลิก 

3. ติวสอบ IELTS อย่างจริงจัง

เมื่อเราฝึกพื้นฐานภาษาอังกฤษทั้ง 4 ทักษะมาระยะหนึ่งแล้ว น้อง ๆ จะเริ่มคุ้นชินและมีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้น หลังจากนี้ก็เริ่มเข้าโหมดทำแบบฝึกหัด IELTS ได้เลยค่ะ เจาะลึกข้อสอบทุกพาร์ท ไม่ว่าจะเป็น Listening, Reading, Writing และ Speaking ฝึกทำบ่อย ๆ ให้คล่องและรู้แนวคำถาม ข้อไหนทำผิดให้กลับไปดูว่าเราพลาดที่ตรงไหน Grammar, คำศัพท์ หรืออื่น ๆ แล้วให้พยายามหาคำตอบของข้อนั้นให้ได้ กลับไปทบทวนเรื่องนั้น ๆ อีกรอบ และที่สำคัญอย่าลืมนะคะ ในระหว่างที่ลองทำข้อสอบนั้นให้ลองจับเวลาไปด้วย เพราะเวลาในการสอบก็เป็นสิ่งสำคัญ ต่อให้เราทำได้ทุกข้อ แต่เวลาหมดเสียก่อน ก็จะทำให้น้อง ๆ พลาดไปอย่างน่าเสียดาย

ติวสอบ IELTS กับ House of Griffin เริ่มต้นตั้งแต่ปูพื้นฐาน จนคว้าคะแนนสูงมาครอง

ถึงแม้ว่าเราจะไม่เก่งภาษาอังกฤษ แต่ถ้าเราตั้งใจและทำตามวิธีเตรียมสอบ IELTS จากบทความด้านบน พี่กริฟฟินมั่นใจว่าน้อง ๆ สามารถสอบ IELTS ได้ในระดับมาตรฐานอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามหากใครที่ต้องการความมั่นใจและเคล็ดลับแบบเจาะลึกของข้อสอบ IELTS มากขึ้น น้อง ๆ สามารถมาติวสอบ IELTS กับ House of Griffin ได้นะคะ ทางสถาบันมีคอร์สเรียน IELTS ที่ถูกออกแบบมา 3 ระดับให้เลือกเรียนตามพื้นฐาน ระดับเริ่มต้น (Brush up) ระดับพื้นฐาน (Foundation) และระดับสูง (Graduation) ซึ่งเนื้อหาจะครอบคลุมทั้ง 4 ทักษะ พร้อมเสริมหลักไวยากรณ์และคำศัพท์ เทคนิคการทำข้อสอบทุกแบบที่ต้องเจอ และมี Mock up test จำลองการสอบเสมือนกับการเข้าสอบจริง เรียกได้ว่าเตรียมความพร้อมให้ครบทุกด้าน พื้นฐานระดับไหนก็เอาอยู่

Share this article